ค้นหา Q&A

วันเสาร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

มาตรการป้องกันการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน/ผลประโยชน์ส่วนรวม

ด้วย โรงเรียนบ้านหัวดอย ได้ให้ความสำคัญต่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริตตามนโยบายรัฐบาลซึ่งได้กำหนดเป็นยุทธศาสตร์ชาติ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐและมีเจตนารมณ์ในการดำเนินงานอย่างโปร่งใส มีคุณธรรม โดยยึดมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคม และผู้มีส่วนได้เสียตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี และเพื่อให้สอดคล้องตามเกณฑ์การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (ITA) ประจำปีงบประมาณ 2565 ดังนั้น เพื่อเป็นการส่งเสริมให้หน่วยงานสามารถป้องกันการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง โรงเรียนบ้านหัวดอย จึงได้ประกาศมาตรการป้องกันการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ดังนี้

  1. ผู้ปฏิบัติงานของโรงเรียนบ้านหัวดอย ต้องมีความเข้าใจความหมายของการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม หรือผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interrest) การขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน กับผลประโยชน์ส่วนรวม หรือผลประโยชน์ทับซ้อน หมายถึง การที่เจ้าหน้าที่ของรัฐมีผลประโยชน์ส่วนตนอยู่ และมีการใช้อิทธิพลตามอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบเพื่อให้เกิดผลประโยชน์ส่วนตัว โดยก่อให้เกิดผลเสียต่อผลประโยชน์ส่วนรวม ผลประโยชน์ทับซ้อนมีหลายรูปแบบไม่จำกัดอยู่ในรูปของตัวเงินหรือทรัพย์สินเท่านั้น แต่รวมถึงผลประโยชน์อื่น ๆที่ไม่ใช่รูปตัวเงินหรือทรัพย์สินก็ได้ ถือเป็นการทุจริตคอร์รัปชันประเภทหนึ่ง เพราะเป็นการแสวงหาประโยชน์ส่วนบุคคลโดยการละเมิดต่อกฎหมาย ด้วยการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ไปแทรกแซงการใช้ดุลพินิจในกระบวนการตัดสินใจของเจ้าหน้าที่ของรัฐ จนทำให้เกิดการละทิ้งคุณธรรมในการปฏิบัติหน้าที่สาธารณะ ขาดความเป็นอิสระ ความเป็นกลางและความเป็นธรรม ส่งผลกระทบต่อประโยชน์สาธารณะของส่วนรวม และทำให้ผลประโยชน์หลักขององค์กร หน่วยงานและสังคมต้องสูญเสียไป
  2. แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม หรือผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interrest) การส่งเสริมให้ผู้ปฏิบัติงานมีความเข้าใจเกี่ยวกับการกระทำที่เป็นการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม หรือผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interrest) สามารถแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวมได้ รวมถึงไม่มีพฤติกรรมที่เข้าข่ายการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม หรือผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interrest)
  3. พฤติกรรมที่เข้าข่ายการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม หรือผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interrest)
  4. การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคล นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย หรือกฎข้อบังคับที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เว้นแต่การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยา
  5. การเข้าเป็นผู้มีส่วนได้เสียไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือบุคคลอื่น ซึ่งเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม
  6. การกำหนดนโยบาย การเสนอหรือให้ความเห็นชอบกฎหมาย ระเบียบ กฎใดๆอันเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อกิจการของตน คู่สมรส บุตร หรือบิดามารดา
  7. การใช้ข้อมูลภายในของรัฐที่ยังเป็นความลับอยู่ซึ่งตนได้รับหรือรู้จากการปฏิบัติหน้าที่หรือการใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต
  8. การริเริ่ม เสนอ จัดทำ อนุมัติโครงการของหน่วยงาน เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อตนเองหรือบุคคลหนึ่งบุคคลใดโดยเฉพาะไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
  9. การใช้ทรัพย์สินของหน่วยงานที่ตนสังกัดหรือที่ตนปฏิบัติหน้าที่อยู่เพื่อประโยชน์ของตนเองหรือผู้อื่น เว้นแต่ได้รับอนุญาตโดยชอบด้วยกฎหมาย
  10. การคับของขวัญ ของที่ระลึก เงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ที่มีผู้มอบให้ในโอกาสที่เจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติงานตามตำแหน่งหน้าที่ของตนหรือตามที่ได้รับมอบหมาย แม้ว่าผู้มอบจะระบุให้เป็นการส่วนตัวก็ตาม เว้นแต่เป็นสิ่งที่อาจได้รับตามกฎหมายหรือกฎ หรือเป็นสิ่งที่ได้รับตามจำนวนที่สมควรตามปกติประเพณีนิยมในการปฏิบัติหน้าที่ หรือเป็นการรับการให้ในลักษณะให้แก่บุคคลทั่วไป

ตามประกาศโรงเรียน
ประกาศ ณ วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2565
(นายสังวาลย์ คำจันทร์)
ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหัวดอย

มาตรการตรวจสอบการใช้ดุลยพินิจ

 

                      โรงเรียนได้กำหนดวิสัยทัศน์  พันธกิจ  นโยบายและแผนกลยุทธ์ ให้สอดคล้องกับการสถานการณ์การเกิดโรคระบาด COVID-19   มีการจัดทำแผน   เพื่อให้การสร้างความสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมของครู บุคลากรในสถานศึกษา  ผู้ปกครอง  ชุมชน   และสังคม   โรงเรียนตระหนักถึงความสำคัญถึงคุณภาพชีวิตของนักเรียนและบุคลากรในโรงเรียน ในสถานการณ์โรคระบาดโคโรนาไวรัส 2019 จึงเป็นสิ่งสำคัญต้องเร่งการปรับตัวเพื่อให้เกิดทักษะที่สามารถใช้ชีวิตให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่มีทั้งดี และเป็นอันตราย โดยเฉพาะการใช้สื่อที่มีอยู่ให้เกิดคุณประโยชน์กับนักเรียน มีการกิจกรรมอย่างหลากหลายที่ส่งเสริม สนับสนุน ในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงและภัยคุกคามรูปแบบใหม่ทุกรูปแบบ จัดกิจกรรมที่เน้นคุณธรรมจริยธรรมและวินัยพื้นฐานให้แก่นักเรียน เช่นการตรงต่อเวลา ความมีน้ำใจ  มีความรับผิดชอบ ความกตัญญูกตเวที ความสามัคคีในหมู่คณะ การช่วยเหลือแบ่งปันและเห็นอกเห็นใจซึ่งกันละกัน 

                     อย่างไรก็ตาม  สิ่งที่สำคัญที่สุด   คือการบริหารงานอย่างมีความชื่อสัตย์   สุจริต  รักษาประโยชน์ส่วนรวม ไม่อาศัยหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้อำนาจและหน้าที่ของตน เพื่อแสวงหาประโยชน์ ปฏิบัติตามระเบียบ กฎหมาย นโยบาย และคำสั่งของผู้บังคับบัญชา มีความวิยะ อุตสาหะ ตรงต่อเวลา และอุทิศเวลาให้แก่ทางราชการ มีจิตสำนึกที่ดี มุ่งบริการต่อกลุ่มเป้าหมายผู้รับบริการ โดยไม่เลือกปฏิบัติ  รักษาคุณภาพตามมาตรฐานวิชาชีพและจรยาบรรณวิชาชีพ รักษาภาพลักษณ์และความสามัคคีในองค์กร ชุมชน และสังคม   หากมีเหตุอันใดที่ต้องเป็นเหตุให้วินิจฉัยข้อเท็จจริง โรงเรียนมีมาตรการตรวจสอบการใช้ดุลยพินิจ  รายละเอียดดังนี้  

 ​วัตถุประสงค์

            เพื่อกำหนดมาตรการ แนวทาง ตลอดจนกลไกในการกำกับ ตรวจสอบ การปฏิบัติงานของครูและบุคลากร  ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ และหลักเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อเสริมสร้างความโปร่งใส ตลอดจนเป็นแนวทางปฏิบัติให้แก่ผู้ปฏิบัติงาน

มาตรการ 

  1. การกลั่นกรอง ตรวจสอบการใช้ดุลพินิจก่อนดำเนินการ
    • แต่งตั้งผู้มีหน้าที่พิจารณา  บุคลากรที่ต้องมีอำนาจหน้าที่ในเรื่องดังกล่าวและต้องไม่มีส่วนได้เสียในเรื่องที่พิจารณา
    • การพิจารณา  ต้องมีรายละเอียดเป็นลายลักษณ์อักษรระบุเหตุที่มา ข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย และรายละเอียดสนับสนุนการใช้ดุลพินิจ เสนอผู้บังคับบัญชาตามระดับชั้น ในกรณีการพิจารณาในเรื่องสำคัญที่ซับซ้อน   มีผลกระทบมาก   อาจมีการตั้งคณะทำงานที่มาจากฝ่ายงานต่าง ๆ  และจากบุคคลภายนอก   เพื่อให้ได้ความเห็นที่เป็นประโยขน์ในการประกาบการพิจารณา การใช้ดุลพิจิจ ด้วยความยุติธรรม
    • นอกจากนี้  ได้แต่งตั้งคณะกกรมมการติดตามผลการดำเนินงาน   และคณะกรรมการตรวจสอบ  จะทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้ดุลพินิจของฝ่ายงานต่าง ๆ  เป็นระยะด้วย   เพื่อให้มั่นใจว่ามีการปฏิบัติตตามกลไกต่าง ๆ  ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    • การให้สิทธิแก่ผู้ถูกพิจารณา   ก่อนที่จะมีการออกคำสั่งใด ๆ ที่จะกระทบกระเทือนต่อสิทธิของผู้อื่น   จะต้องมีการแจ้งให้ผู้ที่ถูกกระทบสิทธิรับทราบ   และให้โอกาสในการโต้แย้งแสดงพยานหลักฐาน  โดยปฏิบัติให้เป็นไปตามเงื่อนไขและวิธีปฏิบัติราชการ
    • การออกคำสั่ง   ต้องจัดทำเป็นหนังสือ / หนังสืออิเล็กทรอนิกส์โดยจัดให้มีเหตุผลประกอบ และจัดส่งพร้อมระบุสิทธิ

2. การพิจารณาข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการใช้ดุลพินิจ   

  • รณีร้องเรียนโต้แย้งดุลพินิจของโรงเรียน   (ไม่ว่าจะระบุตัวหรือไม่ก็ตาม)  ให้ส่วนงาน ที่
    เกี่ยวข้องเป็นผู้ดำเนินการและ/หรือมีหนังสือตอบผู้ร้องโดยตรง ทั้งนี้ หากผู้ร้องไม่เห็นด้วย เรื่องก็จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณา 
  • กรณีร้องเรียนเกี่ยวกับการใช้อำนาจ/ปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้อง (ไม่ว่าจะระบุตัวหรือไม่ก็ตาม) ให้คณะกรรมการ เป็นผู้ดำเนินการสอบถาม/หาข้อเท็จจริงเบื้องต้น (และ/หรือจะส่งให้ส่วนงานชี้แจงด้วยก็ได้) แล้วจึงสรุปผลการพิจารณาเสนอต่อผู้บริหาร  หากเห็นว่าเรื่องร้องเรียนมีประเด็นที่ควรพิจารณาความผิดทางวินัย ให้คณะกรรมการดำเนินการต่อ  หรือจะขอตั้งเป็นคณะทำงานร่วมกับฝ่ายบุคลากร  เพื่อพิจารณาเรื่องร้องเรียนร่วมกันก็ได้ หรือหากเห็นว่าควรมีการปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อลดความเสี่ยงการถูกร้องเรียน ก็ให้เสนอความเห็นต้นสังกัดได้
3. กรณีร้องเรียนทุจริต พฤติกรรมบุคคลที่ไม่เหมาะสม  โดยต้องระบุพฤติกรรมที่เป็นลักษณะของการกระทำความผิดวินัยที่ชัดเจนบุคคล เป็นผู้ดำเนินการจัดการข้อร้องเรียน (ตามมาตรการจัดการเรื่องร้องเรียนการทุจริต)

มาตรการส่งเสริมความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้าง

การบริหารงานพัสดุ-สินทรัพย์

  จัดทำแผนปฏิบัติราชการประจำปี  มีคำสั่งแต่งตั้งผู้รับผิดชอบด้านการเงินและสินทรัพย์  ตามหมวดบริหารงานด้านงบประมาณการให้ความร่วมมือ และรับข้อเสนอแนะจากำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ในระเบียบใหม่เพื่อให้บุคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่ ที่เกี่ยวข้อง  สามารถจัดทำบันทึกรายการควบคุมเงินของสถานศึกษา  มีหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน  มีการบริหารจัดการพัสดุ  มีรายงานผลการใช้จ่ายงบประมาณ  และนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการการเงิน และสินทรัพย์ ถูกต้อง โปร่งใส ตรวจสอบได้และเป็นปัจจุบัน 

แต่งตั้งบุคลากรดำเนินงานบริหารพัสดุและสินทรัพย์ 
คำสั่งที่ 82/2564 สั่ง ณ วันที่ 1 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2564

  1. นายสังวาลย์ คำจันทร์          ตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน     หัวหน้ากลุ่มงานอำนวยการ
  2. นางมาลินี พัวตระกุล            ตำแหน่งครูชำนาญการพิเศษ      หัวหน้างกลุ่มงานงบประมาณ
  3. นางจารุวรรณ อภินันท์ธรรม ตำแหน่ง ครูชำนาญการ               หัวหน้าพัสดุ /EGP
  4. นายทนง ไขทา                   ตำแหน่งครู                                 เจ้าหน้าที่พัสดุ/บัญชี
มีหน้าที่
  1. ดำเนินการจัดซื้อ จัดจ้าง จัดหาวัสดุ ครุภัณฑ์ ตรวจรับ ลงทะเบียนรับผิดชอบ เก็บรักษา ให้ครบขั้นตอน ให้เป็นไปตามระเบียบ ถูกต้องเรียบร้อยทุกขั้นตอน ดำเนินการให้รวดเร็วทันเวลา ควบคุมดูแลการจัดซื้อ จัดจ้าง ให้เป็นไปโดยประหยัด ได้พัสดุที่มีคุณภาพ
  2. ดำเนินการจัดทำบัญชีพัสดุ และทะเบียนครุภัณฑ์ และดำเนินการขึ้นทะเบียนที่ราชการพัสดุ จัดทำบัญชีวัสดุ และทะเบียนครุภัณฑ์ให้เป็นปัจจุบัน ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างต้องดำเนินการขึ้นทะเบียนที่ราชพัสดุ หรือมีการลงทะเบียนเกี่ยวกับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไว้ที่โรงเรียน ควบคุมการเบิกจ่ายพัสดุ ดำเนินการให้ถูกต้อง ตามระเบียบเป็นปัจจุบันอยู่เสมอ
  3. ติดตามการดูแลปรับซ่อมและบำรุงรักษาพัสดุ จัดให้มีการวางแผนปฏิบัติการ มีงานปรับซ่อมไว้ในแผนปฏิบัติการของโรงเรียน มีการตั้งงบประมาณค่าใช้จ่ายในการปรับซ่อมและการ
  4. บำรุงรักษา ควบคุมดูแลให้มีการปรับซ่อม และบำรุงรักษาพัสดุเป็นประจำ มีการดำเนินการแนะนำวิธีใช้และปรับซ่อมรักษาพัสดุของโรงเรียน
  5. ดำเนินการให้มีการตรวจสอบประจำปีและจำหน่ายพัสดุ ควบคุมดูแลบัญชีวัสดุ ทะเบียนครุภัณฑ์ รายงานการตรวจรับ – จ่ายพัสดุประจำปี รายงานการตรวจสอบวัสดุถาวร หลักฐาน
  6. การอนุมัติจำหน่ายและเอกสารอื่น ๆที่เกี่ยวข้อง ติดตามให้มีการดำเนินการตรวจสอบพัสดุประจำปีและตรวจสอบวัสดุถาวร โดยต้องให้รายงานทันกำหนด ดำเนินการจำหน่ายพัสดุตามระเบียบว่าด้วยพัสดุ
  7. ดำเนินการจัดทำเอกสาร แนะนำวิธีใช้ การปรับซ่อม หรือระเบียบต่าง ๆ ที่จำเป็น จัดทำแบบรายงาน แบบฟอร์มในการจัดซื้อ จัดจ้าง
  8. ดำเนินการใช้บริการด้านวัสดุ ครุภัณฑ์แก่บุคลากรฝ่ายต่าง ๆ ในโรงเรียนได้รวดเร็ว ทันกำหนดเวลา
  9. ควบคุมดูแลการประเมินผลด้านงานพัสดุ มีการจัดทำข้อมูลสถิติเกี่ยวกับงานพัสดุ
  10. ปฏิบัติงานอื่น ๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย
การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการเงินพัสดุและสินทรัพย์

แต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำรายงานการติดตามประเมินผลการควบคุมภายใน/ตรวจ ติดตามผลการปฏิบัติงานของโรงเรียนบ้านหัวดอย ประจำปีงบประมาณ 

๑. ความเสี่ยงที่มีอยู่ที่ต้องกำหนดปรับปรุงการควบคุมภายใน
  • การใช้จ่ายงบประมาณไม่เป็นไปตามหมวดและไม่ทันระยะเวลาที่กำหนดควบคุมภายใ
  • กระบวนการจัดชื้อจัดจ้างไม่เป็นไปตาม พรบ.การจัดชื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ และระเบียบที่เกี่ยวข้อง เช่น แบ่งชื้อแบ่งจ้าง, ข้อมูลประกอบการจัดชื้อไม่สมบูรณ์
๒. การปรับปรุงการควบคุมภายใน
  • จัดทำคู่มือ/แนวทางปฏิบัติให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
  • ศึกษาระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการจัดชื้อจัดจ้างให้เข้าใจถึงวิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง
  • มีระบบพี่เลี้ยงให้กับหน่วยงานพัสดุ (ส่งต่อฝ่ายตรวจสอบ สพป)
  • ป้องกันหรือลดความเสี่ยงจากการเสริมสร้างประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ  
  • การให้บุคลากรถือปฏิบัติตามวิธีการควบคุมโดยเคร่งครัด โดยเฉพาะในเรื่องระบบการเงิน พัสดุ

การบริหารการใช้จ่ายงบประมาณอย่างเป็นระบบสอดคล้องกับนโยบายปัญหาและความต้องการ

กระบวนการ/วิธีการดำเนินงาน

ผลการดำเนินงาน

ปัญหา/อุปสรรค

กระบวนการ 5 ขั้นตอน
1. การวางแผน งบประมาณ
2. การจัดทำงบประมาณ (จัดทำโครงสร้างแผนงานตามยุทธศาสตร์ / จัดทำคำขอ งบประมาณ/ พิจารณาคำของบประมาณ)
3. การอนุมัติงบประมาณ
4. การบริหารงบประมาณ (จัดทำแผนปฏิบัติงาน/จัดทำแผนใช้จ่ายงบประมาณ/จัดสรรงบประมาณ/การใช้จ่ายงบประมาณ
5. การประเมินผล
 ก่อนการดำเนินงาน
 ระหว่างการดำเนินงาน
 หลังการดำเนินงาน

วิธีดำเนินงาน   

1.      ตรวจสอบ วิเคราะห์ ผลการดำเนินงานตามเป้าหมายผลผลิต ตัวชี้วัดความสำเร็จรายกลยุทธ์ และมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานที่ยังไม่บรรลุผลสำเร็จ

2.   ตั้งประเด็นหรือสมมุติฐาน เพื่อเป็นแนวทางในการหาคำตอบ โดยศึกษาองค์ประกอบ ตัวแปรของปัจจัยภายนอก (ชุมชน ท้องถิ่น) และองค์ประกอบภายในโรงเรียน

3.   ศึกษาสภาพปัจจุบัน  แก้ปัญหาตามกรณี  และดำเนินการตรวจสอบงานงบประมาณที่ยังไม่ได้ดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกำหนดเวลา

4.   ผู้บริหารโรงเรียน นิเทศและติดตามผลการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง

 

การพิจารณาแผนและการปรับเปลี่ยนแผนปฏิบัติราชการ

..................................

ในกรณีสถานการณ์บังคับให้ต้องเปลี่ยนแปลงแผนปฏิบัติราชการ โรงเรียนมีระบบในการพิจารณาปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน โดยพิจารณา ทางเลือกในปรับเปลี่ยนแผนปฏิบัติการ 3 แนวทาง ดังนี้  

1.   การปรับเปลี่ยนแผนปฏิบัติราชการในระดับกิจกรรมของโครงการต่างๆ อาจมีการปรับปรุง เพิ่มเติมหรือ ยกเลิกกิจกรรม แต่วัตถุประสงค์และเป้าหมายของโครงการ/กิจกรรม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง อาจมีการเพิ่มเติมกิจกรรม หรือการยกเลิกกิจกรรม ให้ผู้รับผิดชอบ บันทึกข้อความเสนอผ่านงานแผนงาน เป็นผู้พิจารณาปรับได้ทันที่ แล้วเสนอผู้อำนวยการเพื่อรับทราบ เพื่อดำเนินการปรับเปลี่ยนแผนปฏิบัติราชการต่อไป

2.   การปรับเปลี่ยนแผนปฏิบัติราชการในระดับโครงการ หมายถึง การยกเลิก หรือปรับปรุงโครงการที่มีผลทําให้วัตถุประสงค์ เป้าหมาย หรืองบประมาณการดําเนินงานเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม อาจจะยกเลิกโครงการ หรือการปรับปรุงโครงการ เช่น การเพิ่มเป้าหมาย หรือการลดเป้าหมาย การเพิ่มงบประมาณ หรือ การลดงบประมาณ การปรับเปลี่ยนแผนปฏิบัติราชการดังกล่าว ให้ผู้รับผิดชอบ บันทึกข้อความเสนอต่อคณะกรรมการบริหารงานโรงเรียนพิจารณาความเห็นชอบเพื่อดำเนินการปรับเปลี่ยนแผนปฏิบัติราชการต่อไป                

3.   กรณีมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายเร่งด่วน เพื่อให้โรงเรียนได้ดำเนินโครงการหรือกิจกรรม ให้หัวหน้ากลุ่มงาน หัวหน้างาน หรือหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ ที่เกี่ยวข้องบันทึกข้อความเสนอต่อคณะกรรมการสถานศึกษาศึกษาขั้นพื้นฐานของโรงเรียนพิจารณาความเห็นชอบเพื่อดำเนินการปรับเปลี่ยนแผนปฏิบัติราชการต่อไป

ผลการดำเนินงาน

-          มีแผนงานโครงการครบตามมาตรฐานการศึกษาและนโยบายการศึกษา (โครงการตามนโยบายเดิมเพิ่มเติมเป้าหมาย และโครงการตามตัวชี้วัด/นโยบายใหม่

-          มีการจัดทำข้อมูลสารสนเทศ

-          มีการจัดรายงานการประเมินต่างๆ ของสถานศึกษา

-          การจัดทำแผนปฏิบัติรายการประจำปี และมีการใช้แผนเป็นเครื่องมือในการบริหาร

-          การจัดสรรงบประมาณสอดคล้องกับความต้องการและตอบสนองแผนปฏิบัติราชการ

-          บางโครงการอยู่ระหว่างการดำเนินงานกิจกรรมย่อย

ปัญหา/อุปสรรค์ ข้อเสนอแนะ

-          ขาดการประสานงานระหว่างคณะดำเนินการหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง

-          อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำงานขัดข้อง /ทำงานได้ไม่ตรงต่อความต้องการ

-          ขั้นตอนในการปฏิบัติงานของกิจกรรม /งาน/โครงการ ไม่เป็นไปตามเวลาที่กำหนดภาระงานสอนครู


มาตรการป้องกันการรับสินบน

มาตรการให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีส่วนร่วม

 การมีส่วนร่วม ประเมินความโปร่งใส





รายงานผลการดำเนินการป้องกันการทุจริตประจำปี

 


แผนปฏิบัติการป้องกันการทุจริตประจำปี

    

1. หลักการและเหตุผล
                        ตามยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ยุทธศาสตร์ที่ ๒ ยกระดับเจตจำนงทางการเมืองในการต่อต้านการทุจริต ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 มกราคม ๒๕๕๙ เห็นชอบให้หน่วยงานภาครัฐทุกหน่วยงาน เข้าร่วมรับการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีคุณธรรม มีความโปร่งใส โดยเสริมสร้างคุณธรรมและธรรมาภิบาลในบริหารราชการ อันจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ และประชาชน และโรงเรียนบ้านหัวดอยได้ตระหนักถึงความสำคัญถึงคุณภาพชีวิตของนักเรียน ครูและบุคลากร รวมถึงผู้ปกครอง ชุมชน และสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์โรคระบาดโคโรนาไวรัส 2019 ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเร่งการปรับตัวเพื่อให้เกิดทักษะที่สามารถใช้ชีวิตให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่มีทั้งดี และเป็นอันตราย โดยเฉพาะการใช้ทรัพยากรสื่อที่มีอยู่ให้เกิดคุณประโยชน์ด้านการศึกษาให้กับครูและนักเรียน มีการจัดกิจกรรมอย่างหลากหลายที่ส่งเสริม สนับสนุน ในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงและภัยคุกคามรูปแบบใหม่ทุกรูปแบบ จัดกิจกรรมที่เน้นคุณธรรมจริยธรรมและวินัยพื้นฐาน เช่น การตรงต่อเวลา ความมีน้ำใจ มีความรับผิดชอบ ความกตัญญูกตเวที ความสามัคคีในหมู่คณะ การช่วยเหลือแบ่งปันและเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน

                    โรงเรียนบ้านหัวดอย ได้ศึกษาและบริหารงานซึ่งครอบคลุมด้านความโปร่งใส ด้านความพร้อมรับผิดด้านความปลอดจากการทุจริตในการปฏิบัติงาน ด้านวัฒนธรรมคุณธรรมในองค์กร ด้านคุณธรรมการทํางาน ในหน่วยงาน และด้านการสื่อสารทั้งภายในและภายนอกหน่วยงาน สร้างความเชื่อมั่นว่าความประพฤติของข้าราชการและบุคลากรทุกคน จะต้องตอบสนองต่อความต้องการของสังคม เป็นที่เชื่อถือไว้วางใจของประชาชนในขณะที่ปฏิบัติหน้าที่ตามความรับผิดชอบของตนเพื่อใช้เปรียบเทียบกับการปฏิบัติและการพิจารณาปรับปรุงพฤติกรรมตนเองให้เหมาะสม อันจะส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษา และการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้เรียนรู้ได้อย่างเต็มศักยภาพ โดยส่วนหนึ่งของโครงการได้ใช้เครื่องมือการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ(Integrity and Transparency Assessment : ITA) เพื่อช่วยยกระดับธรรมาภิบาลในหน่วยงานให้ได้รับการพัฒนาและยกระดับคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานตามภารกิจของตนเองได้อย่างเหมาะสม อันจะเป็นการแก้ไขปัญหาการทุจริตที่ยั่งยืนสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันการทุจริตในภาพรวมของประเทศต่อไป

2. วัตถุประสงค์
            2.1. เพื่อส่งเสริมให้บุคลากรภายในหน่วยงานเข้ามามีส่วนร่วมในการสะท้อนความคิดเห็นต่อการดำเนินงานและการบริหารงาน
        2.2. เพื่อให้ครูและบุคลากรรวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้รับทราบแนวทางในการปรับปรุงหรือพัฒนาในเรื่องคุณธรรมและความโปร่งใสในการทำงาน
            2.3. เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้การดำเนินงานเรื่องการป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อนในการปฏิบัติงานของหน่วยงานในทุกระดับ และมีความตระหนักถึงการป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อนในการปฏิบัติงาน
            2.4. เพื่อประเมินการรับรู้ของบุคลากรภายในหน่วยงานต่อการปฏิบัติงานของบุคลากรอื่นในหน่วยงานของ ตนเอง
            2.5. เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลจากผลการปฏิบัติงานเปิดเผยต่อสาธารณะ ในเว็บไซด์ของโรงเรียนเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลในเว็บไซต์ได้

3. ตัวชี้วัด
        3.1 เชิงปริมาณ
            
    3.1.1 มีข้อมูลรายละเอียดสรุปผลการดำเนินการ อย่างน้อยประกอบด้วย ผลการดำเนินการโครงการหรือกิจกรรม ผลการใช้จ่ายงบประมาณ ปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะ จำนวน 20 โครงการ
                3.1.2 มีเว็บไซด์หลักในการเปิดเผยข้อมูลและประชาสัมพันธ์ อย่างน้อยจำนวน 3 แพลตฟอร์มและผ่านเกณฑ์การประเมิน ITA ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90
                3.1.3 ครูและบุคลากรมีส่วนร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงานตามภารกิจของสถานศึกษา ครบทุกคน

        3.2 เชิงคุณภาพ
                3.2. 1. ข้าราชการครูและบุคลากรทุกคน ปฏิบัติงานอย่างมีคุณธรรมความโปร่งใสในการดําเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล รักษาผลประโยชน์ของรัฐและมอบความเป็นธรรมแก่ประชาชนอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม ยึดหลักธรรมาภิบาลในการบริหารงาน ต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบ โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของประชาชนและร่วมใจทําดีเพื่อให้นักเรียนได้รับการศึกษาอย่างคุณภาพ
                3.2.2 เกิดการพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้และทักษะ การเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ การป้องกันการทุจริต และการให้บริการสาธารณะ ทางเว็บไซต์ของหน่วยงาน เพื่อยกระดับการเปิดเผยข้อมูลหรือข่าวสารสาธารณะในครอบครองของหน่วยงานภาครัฐให้เป็นหน้าที่หลักที่ต้องปฏิบัติตาม พรบ ข้อมูลข่าวสาร ให้ความร่วมมือและเข้าร่วมการประเมิน ITA ในปีงบฯ 2565 – 2570
                3.2.3. ข้าราชการครูและบุคลากรทุกคน ตอบสนองต่อความต้องการของสังคม เป็นที่เชื่อถือ และ
เป็นที่ไว้วางใจของประชาชน และประพฤติตนอย่างสมเกียรติในขณะที่ปฏิบัติหน้าที่ตามความรับผิดชอบของตน

4. เป้าหมาย
                ผลการปฏิบัติงานของข้าราชการครูและบุคลากรโรงเรียนบ้านหัวดอย และการปฏิสัมพันธ์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน
5. กิจกรรมและการดำเนินงานที่ กิจกรรม ระยะเวลาดำเนินงาน ผู้รับผิดชอบ
            1 ศึกษาสภาพปัจจุบันปัญหาและความต้องการ พฤษภาคม 2565 กรรมการงานบริหารงาน 4 ฝ่าย
            2 แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงาน พฤษภาคม 2565 ผู้บริหาร
            3 วางแผนดำเนินงานโครงการ/กิจกรรม พฤษภาคม 2565 ผู้บริหารและคณะ
            4 ดำเนินงาน/กิจกรรมตามแผน ผู้บริหารและคณะ
                4.1 กิจกรรมการประเมิน 3 ขั้นตอน IIT OIT ITA พฤษภาคม2565 -มิถุนายน 2565 ผู้บริหารและคณะ
                4.2 กิจกรรมประเมิน ตามตัวชี้วัด ITA นำเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ พฤษภาคม2565 –กรกฏาคม 2565 ผู้บริหารและคณะ
       5 ติดตามประเมินผล/ตรวจสอบปรับปรุงพัฒนา ตุลาคม 2565 และ มีนาคม 2566 ผู้บริหารและคณะ
       6 สรุปและรายงานผล มีนาคม 2566 ผู้บริหารและคณะ

6. สถานที่ดำเนินการ โรงเรียนบ้านหัวดอย
7. งบประมาณ จำนวนเงิน 0 บาท
8. การติดตามประเมินผล

รายละเอียดตัวชี้วัดของแบบวัด
                การเปิดเผยข้อมูล เป็นตัวชี้วัดที่มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นปัจจุบันบนเว็บไซต์ของหน่วยงาน เพื่อเปิดเผยข้อมูลต่าง ๆ ของหน่วยงานให้สาธารณชนได้รับทราบ ใน 5 ประเด็น คือ
                (1) ข้อมูลพื้นฐาน ได้แก่ ข้อมูลพื้นฐาน ข่าวประชาสัมพันธ์ และการปฏิสัมพันธ์ข้อมูล
                (2) การบริหารงาน ได้แก่ แผนดำเนินงาน การปฏิบัติงาน และการให้บริการ
                (3) การบริหารเงินงบประมาณ ได้แก่ แผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี และการจัดซื้อจัดจ้างหรือการจัดหาพัสดุ
                (4) การบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคล ได้แก่ นโยบายการบริหารทรัพยากรบุคคล การดำเนินการตามนโยบายการบริหารทรัพยากรบุคคล และหลักเกณฑ์การบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคล
                (5) การส่งเสริมความโปร่งใสในหน่วยงาน ได้แก่ การจัดการเรื่องร้องเรียนการทุจริตและประพฤติ
มิชอบ และการเปิดโอกาสให้เกิดการมีส่วนร่วม ซึ่งการเผยแพร่ข้อมูลในประเด็นข้างต้นแสดงถึง
ความโปร่งใสในการบริหารงานและการดำเนินงานของหน่วยงาน


รายงานการกำกับติดตามการดำเนินการทุจริต รอบ 6 เดือน

1 ตุลาคม 2563 - 31 มีนาคม 2564    ไม่มีการทุจริต 

1 เมษายน 2564 - 30 กันยายน 2564  ไม่มีการทุจริต 

1 ตุลาคม 2564 - 31 มีนาคม 2565    ไม่มีการทุจริต 

1 เมษายน 2565 - 30 กันยายน 2565  ไม่มีการทุจริต 


การเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กร

การดำเนินการเพื่อจัดการ ความเสี่ยงการทุจริต

 

สรุปแนวทางการปฏิบัติเพื่อป้องกันความเสี่ยง

  • มีคำสั่งแต่งตั้งบุคลากรชัดเจน
  • ตรวจ  กำกับ  ติดตาม
  • ระบบสารสนเทศ

            การบริหารความสี่ยงของระบบสารสนเทศ เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของทุกคนและการปฏิบัติเพื่อป้องกันความเสี่ยงทุกคนต้องช่วยกันปฏิบัติ เพราะเมื่อคนใดคนหนึ่งละเลยการปฏิบัติหน้าที่นั้นอาจทำให้มีความเสี่ยงเกิดขึ้นกับระบบ ตนเองและผู้อื่นและอาจทำให้ผู้อื่นไม่สามารถป้องกันความเสี่ยงได้ เพราะฉะนั้นจำเป็นต้องสรุปภาพรวมของการปฏิบัติงานเพื่อป้องกันความเสี่ยง ดังนี้

          1. ด้าน Hardware

1.1  ห้องเครื่องคอมพิวเตอร์

     - ไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้า

                        - เลือกสถานที่ที่ยากต่อการเข้าถึง

  1.2 ห้องปฏิบัติการไม่อนุญาตให้ผู้อื่นใช้เครื่องของตนเอง

            2. ด้าน Software

           2.1 ซอฟแวร์ที่จัดซื้อต้องมีการรับประกันการใช้งาน  หรือการบริการหลังการขายจาก     

                 ผู้ขายเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 1 ปี

2.2  ซอฟแวร์ที่จัดซื้อมาจะต้องมีการอบรมก่อนการใช้งานจริง

            3. ด้านข้อมูล

3.1  ต้องมีระบบที่สามารถสำรองข้อมูลได้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง

3.2  ต้องมีการรักษาความปลอดภัยทุกข้อมูลที่มีความสำคัญ

  3.3 จำกัดสิทธิการใช้งานของบุคคลที่มีสิทธิเท่านั้น

  3.4 ข้อมูลที่สำคัญต้องมีการเข้ารหัสก่อนเข้าถึงข้อมูล

                     3.5 เมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นต้องทำการกู้ให้ระบบสามารถทำการได้อย่างเป็นปกติ

                           อย่างช้าไม่เกิน 1 วัน

3.6  เมื่อมีความสงสัยว่าข้อมูลนั้นๆไม่มีความถูกต้องต้องสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้

      ว่าข้อมูลนั้นถูกต้องหรือไม่เพียงใด

            4. ด้านบุคลากร

                     กำหนดให้มีผู้ดูแลระบบที่มีความสามารถต่างๆดังนี้

                     4.1 ผู้บริหารระบบ (System  Administrator)  มีความรูด้านฮาร์ดแวร์ซอร์ฟแวร์ระบบ                       เป็นอย่างน่อย และรับมอบหมายให้ปฏิบัติหน่าที่  ดังนี้

  • บริหารและดูแลอุปกรณ์คอมพิวเตอร์
  • ควบคุมและตรวจสอบการใช้งานระบบ
  • ตรวจสอบ ควบคุม ดูแล การบํารุงรักษาระบบ
  • รักษาความปลอดภัยระบบ เช่น รักษาความลับ ความคงสภาพและความพร้อมใช้งาน

 

 

 

 

 

                  4.2  ผูจัดการฐานขอมูล (Database  Manager) มีความรูดานการจัดการฐานขอมูล     
               ระบบคอมพิวเตอรเปนอยางนอย และรับมอบหมายใหปฏิบัติหนาที่ ดังนี้

1.      ควบคุมดูแลฐานขอมูล เชน การรวบรวม การเพิ่ม การเปลี่ยนแปลง การลบ  การจัดโครงสราง  การใชงาน  การเก็บ และการเรียกดู

         2.  เลือก  ตัดตอน และกําหนดรูปแบบขอมูลที่เก็บในแฟมขอมูล

               3. รักษาความปลอดภัยฐานขอมูล เชน  รักษาความลับ  ความคงสภาพ และความ 
                 พรอมใชงานใหฐานขอมูล         

        4.  ตรวจสอบฐานขอมูล และวิเคราะหขอมูล

        5. ควบคุม และบริการการใชงานฐานขอมูล

   4.3 ผูจัดการเครือขาย (Network Manager)  มีความรูดานฮารดแวร การสื่อสารขอมูล 
        และอุปกรณในระบบเครือขายเปนอยางนอย และรับมอบหมายใหปฏิบัติหนาที่ ดังนี้

              1. กําหนดเลขที่อยูไอพี (IP Address) ใหคอมพิวเตอรในเครือขายของสวนราชการ 

                                โดยประสานกับหน่วยงานอื่นๆ

        2. กำหนดบัญชีผูใช (Account )  และรหัสผาน (Password) ของผูใชภายใน  
                  เครือขายที่รับผิดชอบ

        3.  ดูแลการใชเครือขายคอมพิวเตอรภายในสวนราชการ

        4. ดูแลโครงสรางพื้นฐานและอุปกรณที่เกี่ยวกับระบบเครือขาย เชน โทรศัพท 
                             โมเด็ม ฮับ เป็นตน

        5. รักษาความปลอดภัยระบบเครือขาย เชน  รักษาความลับ  ความคงสภาพ และ
            ความพรอมใชงานใหระบบเครือขาย           

 

            5. ความเสี่ยงด้านหน้าที่การปฏิบัติ

                              a. จัดทำคู่มือขั้นตอนการปฏิบัติงานทุกระบบสารสนเทศที่ใช้งาน

                              b. ทุกหน้าที่การปฏิบัติงานต้องมีผู้รับผิดชอบมากกว่า 1 คน

                              c. หัวหน้างานต้องตรวจสอบ กระตุ้นให้ผู้ปฏิบัติทำงานตามหน้าที่อย่างเคร่งครัด.

 

**********************************

การมีส่วนร่วมของผู้บริหาร



จรรยาบรรณต่อวิชาชีพ
ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องรัก ศรัทธา ซื่อสัตย์สุจริต และรับผิดชอบต่อวิชาชีพเป็นสมาชิกที่ดีขององค์กรวิชาชีพ
  1. แสดงความชื่นชมและศรัทธาในคุณค่าของตนเองและวิชาชีพ
  2. ปกป้องชื่อเสียงและศักดิ์ศรีแห่งวิชาชีพ
  3. ยกย่องเชิดชูเกียรติผู้มีผลงานในวิชาชีพให้สาธารณชนรับรู้และชื่นชมร่วมกัน
  4. ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์สุจริต โดยไม่หวังผลประโยชน์ ตอบแทน
  5. ปฏิบัติหน้าที่อย่างมุ่งมั่น ตั้งใจ เพื่อให้ครูพัฒนาตนเองได้เต็มศักยภาพ
  6. สนับสนุนและให้ความร่วมมือในการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับงานของตนเองและของผู้อื่นด้วยความเต็มใจ
  7. ให้การสนับสนุน ส่งเสริมการศึกษา ค้นคว้า วิเคราะห์ วิจัยที่เกี่ยวกับวิชาชีพและนำเสนอผลงานที่เป็น ประโยชน์ต่อสังคม
  8. ร่วมประชาสัมพันธ์งานของวิชาชีพหรือ องค์กรวิชาชีพอย่างสร้างสรรค์
  9. ส่งเสริมและพิทักษ์สิทธิของผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ

จรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ
ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องรัก เมตตา เอาใจใส่ ช่วยเหลือ ส่งเสริม ให้กำลังใจแก่ศิษย์และผู้รับบริการตามบทบาทหน้าที่ โดยเสมอหน้า
    1. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ ทักษะ และนิสัยที่ถูกต้องดีงามแก่ศิษย์และผู้รับบริการตามบทบาทหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ
    2. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ทั้งทางกาย วาจา และจิตใจ
    3. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องไม่กระทำตนเป็นปฏิปักษ์ ต่อความเจริญทางกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์และสังคมของศิษย์หรือผู้รับบริการ
    4. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องให้บริการด้วยความจริงใจและเสมอภาค โดยไม่เรียกรับ
    5. หรือยอมรับผลประโยชน์จากการใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ
    6. ให้บริการ หรือปฏิบัติงานโดยคำนึงถึงสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้รับบริการตามรัฐธรรมนูญและคุณภาพของการบริการบริหารงานตามหลักการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน
    7. ปฏิบัติตนเป็นกัลยาณมิตร ยกย่อง ชมเชย ให้ขวัญกำลังใจ เสริมสร้างความภาคภูมิใจให้ผู้รับบริการ
    8. เสนอแนวคิด หรือวิธีการที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาวิชาชีพให้ผู้รับบริการ ผู้ปกครอง และประชาชนได้มีส่วนร่วมในการพิจารณาเลือกใช้ตามความเหมาะสม
    9. ปิดโอกาสให้ผู้รับบริการ ผู้ปกครองและประชาชน ได้ร่วมวางแผนการเรียนรู้การปฏิบัติงาน และเลือกวิธีการที่เหมาะสมกับตนเอง
    10. ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้รับบริการ ผู้ปกครองและประชาชนอย่างมีเหตุผล
    11. ส่งเสริมให้มีการดำเนินการเพื่อปกป้องสิทธิเด็ก

จรรยาบรรณต่อผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ
    1. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา พึงช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันอย่างสร้างสรรค์โดยยึดมั่นในระบบคุณธรรม สร้างความสามัคคีในหมู่คณะ
    2. มีความคิดอิสระในการบริหารจนเกิดการพัฒนาทุกด้านเพื่อผลประโยชน์เกิดต่อครูและผู้บริหาร
    3. มีความรัก ความสามัคคี และร่วมใจกันผนึกกำลังในการพัฒนาการศึกษา
    4. เปิดใจกว้างยอมรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ
    5. เป็นผู้นำในการพัฒนา
    6. ใช้ระบบคุณธรรมในการพิจารณาผลงานของผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ

จรรยาบรรณต่อสังคม
ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา พึงประพฤติปฏิบัติตน เป็นผู้นำในการอนุรักษ์และพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา สิ่งแวดล้อม รักษาผลประโยชน์ของส่วนรวมและยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
    1. ปฏิบัติหน้าที่พลเมืองดีในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
    2. ให้ความร่วมมือและช่วยเหลือในทางวิชาการ หรือวิชาชีพแก่ชุมชน
    3. เป็นผู้นำในการส่งเสริมภูมิปัญญาและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
    4. นำภูมิปัญญาท้องถิ่น ศาสนา วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม มาพัฒนาให้เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมส่วนรวม
    5. ส่งเสริมและสนับสนุนการจัดนิทรรศการเพื่อส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้และดำเนินชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง


การเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กร

การเปิดโอกาสให้เกิดการมีส่วนร่วม

 





ข้อมูลเชิงสถิติเรื่องการร้องเรียนการทุจริต ประจำปี

ประจำปีงบประมาณ 2563 ไม่มีการร้องเรียน

ประจำปีงบประมาณ 2564 ไม่มีการร้องเรียน

ประจำปีงบประมาณ 2565 ไม่มีการร้องเรียน

แนวปฏิบัติการจัดการ เรื่องร้องเรียนการทุจริต

 

หลักการและเหตุผลวัตถุประสงค์ในการบริการข้อมูลข่าวสาร รับฟังข้อเสนอแนะ รับแจ้งเบาะแส และร้องเรียน พฤติกรรมครู นักเรียน ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ในสังกัดที่มีพฤติกรรมผิดปกติหรือส่อไปในทางที่ไม่เหมาะสม ภายใต้ระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อันได้แก่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐, พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. ๒๕๔๖, ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ พ.ศ. ๒๕๕๒ และประกาศ/คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประกอบกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้จัดทำโครงการ สพฐ.ใสสะอาด ปราศจากคอร์รัปชั่น โดยกำหนดให้มีการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อทราบถึงสถานะระดับคุณธรรมและความโปร่งใสของหน่วยงานว่ามีการดำเนินงานเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล และเจ้าหน้าที่ในองค์กรปฏิบัติตามประมวลจริยธรรมอยู่ในระดับใดโรงเรียนบ้านหัวดอย ได้จัดให้มีระบบการจัดการ เรื่องร้องเรียน ข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะ เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ พระราชกฤษฎีกา ระเบียบและหลักเกณฑ์ที่กำหนด และจัดทำคู่มือการจัดการร้องเรียน/ร้องทุกข์ กำหนดโครงสร้างและเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบที่ และเป็นเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์รับเรื่องร้องเรียน/ร้องทุกข์ และมีการกำหนดช่องทางการติดต่อแจ้งเรื่องร้องเรียน/ร้องทุกข์ ข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะ กำหนดประเภทและกระบวนการจัดการ เรื่องร้องเรียน/ร้องทุกข์ กระบวนการจัดการข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะ กำหนดวิธีการเก็บรักษาความลับเกี่ยวกับเรื่องร้องเรียน/ร้องทุกข์ ระบบการจัดการ การติดตามและประเมินผล การจัดทำสถิติ รวบรวมและเผยแพร่ข้อมูลการจัดการข้อร้องเรียน ประสานข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ กลุ่มงาน ICT กรณีที่ต้องจัดทำหรือดำเนินการในระบบอิเล็กทรอนิกส์ด้วย
วัตถุประสงค์๑. เพื่อให้มีหลักเกณฑ์ ขั้นตอน กระบวนการในการตอบสนองข้อร้องเรียน/ร้องทุกข์ ของหน่วยงาน๒. เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น ผู้กำกับดูแล ตลอดจนเจ้าหน้าที่บุคลากรในหน่วยงานทุกระดับมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาและหรือมีส่วนร่วมในการตอบสนองข้อร้องเรียน/ร้องทุกข์ของหน่วยงาน๓. เป็นช่องทางให้ประชาชนผู้รับบริการเข้ามามีส่วนร่วมในการรับรู้ ตรวจสอบ แสดงความคิดเห็นหรือเสนอแนะ ตลอดจนการแจ้งข้อมูลเบาะแสเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการของหน่วยงาน เพื่อเป็นประโยชน์ในการปรับปรุงการบริหารงานของหน่วยงาน๔. เพื่อใช้เป็นคู่มือและเอกสารอ้างอิงในการปฏิบัติงาน
ประโยชน์ที่ได้รับ๑. ปัญหาเรื่องร้องเรียน/ร้องทุกข์ ได้รับการตอบสนองแก้ไขด้วยความรวดเร็ว เป็นธรรม  มีประสิทธิภาพ และเป็นการตอบสนองต่อสิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทยตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ได้รับรองคุ้มครองสิทธิไว้๒. หน่วยงานมีกลไกในการเฝ้าระวัง ตรวจสอบ แก้ไขปัญหา อันเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ ของบุคลากรในหน่วยงานอย่างมีทิศทางและเป็นรูป ธรรม อันจะส่งผลดีต่อการป้องกันและต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่ในสังกัดช่องทางการร้องเรียน/ข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะ๑. แจ้งหน่วยงานต้นสังกัดของผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ถูกร้องเรียนโดยตรง๒. ทางโทรศัพท์/โทรสารหมายเลข 053 774147 หรือ 0979542447 หรือ โทรถึงผู้อำนวยการสถานศึกษาโดยตรง หมายเลข 0821905140๓. การร้องทุกข์ด้วยตนเองเป็นหนังสือหรือร้องเรียนด้วยวาจา โดยตรงที่ผู้อำนวยการโรงเรียนหรือบุคลากรทางการศึกษาที่เป็นข้าราชการประจำการ๔. การร้องเรียนทางไปรษณีย์ โดยระบุหน้าซองถึงผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหัวดอย เลขที่ 54 หมู่ 12 ต.ท่าสาย อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย 57000๕. การร้องเรียนผ่านตู้รับเรื่องราวร้องเรียน/ร้องทุกข์ ของโรงเรียน๖. การร้องเรียนผ่าน Website ; Facebook ประชาสัมพันธ์ของโรงเรียน ช่องทางเว็บของผู้อำนวยการสถานศึกษา อีเมลล์ school@huadoi.ac.th
หน่วยรับเรื่องร้องทุกข์ภายนอก๑) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 1๒) คณะกรรมการการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ประจำกระทรวง ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ พ.ศ. ๒๕๕๒๓) ศึกษาธิการจังหวัดเชียงราย๔) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)๕) ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงรายหมายเหตุ : ผู้ร้องทุกข์ควรร้องทุกข์ต่อบุคคลหรือหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งจนกว่าจะเสร็จกระบวนการหากไม่มีการดำเนินการใดๆ จึงร้องทุกข์ต่อบุคคลหรือหน่วยงานอื่น
วิธีการยื่นคำร้องเรียน/ร้องทุกข์๑. แจ้งชื่อ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล์ ของผู้ร้องเรียน๒. ใช้ถ้อยคำหรือข้อความที่สุภาพ และต้องมี
๑) วัน เดือน ปี๒) ผู้ถูกร้องเรียน (ชื่อ-นามสกุล/สังกัด)๓) เรื่องที่ร้องเรียน เข้าลักษณะทุจริต ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย๔) รายละเอียดการร้องเรียน๕) ข้อเท็จจริง หรือ พฤติการณ์ของเรื่องที่ร้องเรียนได้อย่างชัดเจนว่าได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายอย่างไร ต้องการให้แก้ไข ดำเนินการอย่างไร หรือชี้ช่องทางแจ้งเบาะแส เกี่ยวกับ  การทุจริตของเจ้าหน้าที่หน่วยงานได้ชัดแจ้งเพียงพอที่สามารถดำเนินการ สืบสวน สอบสวนได้๖) ระบุพยานเอกสาร พยานวัตถุและพยานบุคคล (ถ้ามี)๓. ข้อร้องเรียนต้องเป็นเรื่องจริงที่มีมูลเหตุมิได้หวังสร้างกระแสหรือสร้างข่าวที่เสียหาย  ต่อบุคคลอื่นหรือหน่วยงาน๔. การใช้บริการร้องเรียนนั้น ต้องสามารถติดต่อกลับไปยังผู้ใช้บริการได้ เพื่อยืนยันว่า  มีตัวตนจริง ไม่ได้สร้างเรื่องเพื่อกล่าวหาบุคคลอื่นหรือหน่วยงานต่างๆ ให้เกิดความเสียหาย๕. ข้อร้องเรียนที่มีข้อมูลไม่ครบถ้วน ไม่เพียงพอ หรือไม่สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้  ในการดำเนินการตรวจสอบ สืบสวน สอบสวน ข้อเท็จจริงตามรายละเอียดที่กล่าวมาในข้อ ๒ นั้น ให้ยุติเรื่อง และเก็บเป็นฐานข้อมูล๖. ไม่เป็นข้อร้องเรียนที่เข้าลักษณะดังต่อไปนี้๑) ข้อร้องเรียนที่เป็นบัตรสนเท่ห์ เว้นแต่บัตรสนเท่ห์นั้นจะระบุรายละเอียด  แห่งพฤติการณ์ และปรากฏพยานชัดเจนตามรายละเอียดที่กล่าวมาในข้อ ๒ นั้น จึงจะรับไว้พิจารณาเป็นการเฉพาะเรื่อง๒) ข้อร้องเรียนที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว หรือเป็นเรื่องที่ศาลได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดแล้ว๓) ข้อร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์๔) ข้อร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับนโยบายของรัฐบาล๕) ข้อร้องเรียนที่หน่วยงานอื่นได้ดำเนินการตรวจสอบ พิจารณาวินิจฉัยและได้มีข้อสรุปผลการพิจารณาเป็นที่เรียบร้อยไปแล้วอย่างเช่น สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.), สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) เป็นต้น๖) เรื่องที่โรงเรียนบ้านหัวดอย ได้ดำเนินการ ในเรื่องวินัย การลงโทษ และการร้องทุกข์ หรือเรื่องที่ได้รับไว้พิจารณา หรือได้วินิจฉัยเสร็จเด็ดขาด อย่างเป็นธรรมแล้ว และไม่มีพยานหลักฐานใหม่ซึ่งเป็นสาระสำคัญเพิ่มเติมนอกเหนือจากหลักเกณฑ์ดังกล่าวข้างต้นแล้ว ให้อยู่ในดุลยพินิจของผู้บังคับบัญชาว่าจะรับไว้พิจารณาหรือไม่เป็นเรื่องเฉพาะกรณี
เรื่องร้องทุกข์ ร้องเรียนที่อาจไม่รับพิจารณา๑. คำร้องเรียน/ร้องทุกข์ ที่มิได้ทำเป็นหนังสือ หรือไม่ระบุชื่อและที่อยู่ของผู้ร้องเรียน/  ร้องทุกข์จริง จะถือว่าเป็นบัตรสนเท่ห์๒. คำร้องเรียน/ร้องทุกข์ ที่ไม่ระบุพยานหรือหลักฐานเพียงพอ หรือเป็นเรื่องที่มีลักษณะ เป็นบัตรสนเท่ห์ หรือการชี้ช่องแจ้งเบาะแสไม่เพียงพอที่จะสามารถดำเนินการสืบสวน สอบสวนต่อไปได้
กระบวนการตอบสนองข้อร้องเรียน/แก้ไขปัญหาโรงเรียนบ้านหัวดอย จะตรวจสอบข้อเท็จจริง อย่างละเอียดรอบคอบ และแจ้งมาตรการในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ผู้ร้องทราบภายใน ๗ วัน กรณีมีมูล ว่ากระทำผิดวินัยจะดำเนินการทางวินัยตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาพ.ศ. ๒๕๔๗ กรณีเป็นการกระทำความผิดที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานอื่น ให้ส่งเรื่องให้หน่วยงาน ที่มีอำนาจดำเนินการต่อไป
มาตรการคุ้มครองผู้ร้องและผู้เป็นพยาน๑. การพิจารณาข้อร้องเรียน ให้กำหนดชั้นความลับและคุ้มครองผู้เกี่ยวข้องตามระเบียบ ว่าด้วยการรักษาความลับของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ และการส่งเรื่องให้หน่วยงานพิจารณานั้น ผู้ให้ข้อมูลและผู้ร้องอาจจะได้รับความเดือดร้อน เช่น ข้อร้องเรียนกล่าวโทษข้าราชการในเบื้องต้นให้ถือว่าเป็นความลับทางราชการ หากเป็นบัตรสนเท่ห์ ให้พิจารณาเฉพาะรายที่ระบุหลักฐาน กรณีแวดล้อมปรากฏชัดแจ้ง ตลอดจนชี้พยานบุคคลแน่นอนเท่านั้นการแจ้งเบาะแสผู้มีอิทธิพลต้องปกปิดชื่อและที่อยู่ผู้ร้อง หากไม่ปกปิดชื่อที่อยู่ของผู้ร้องจะต้องแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบและให้ความคุ้มครองแก่ผู้ร้อง ดังนี้ “ให้ผู้บังคับบัญชาใช้ดุลพินิจ  สั่งการตามสมควรเพื่อคุ้มครองผู้ร้อง ผู้เป็นพยาน และบุคคลที่ให้ข้อมูล ในการสืบสวนสอบสวน อย่าให้ต้องรับภัยหรือความไม่เป็นธรรมที่อาจเกิดมาจากการร้องเรียน การเป็นพยานหรือการให้ข้อมูลนั้น” กรณีมีการระบุชื่อ ผู้ถูกกล่าวหา จะต้องคุ้มครองทั้งฝ่ายผู้ร้องและผู้ถูกร้องเนื่องจากเรื่องยังไม่ได้ผ่านกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงและอาจเป็นการกลั่นแกล้งกล่าวหาให้ได้รับความเดือดร้อนและเสียหายได้ และกรณีผู้ร้องเรียนระบุในคำร้องขอให้ปกปิดหรือไม่ประสงค์ให้เปิดเผยชื่อผู้ร้องเรียน หน่วยงานต้องไม่เปิดเผยชื่อผู้ร้องให้หน่วยงาน ผู้ถูกร้องทราบ เนื่องจากผู้ร้องอาจจะได้รับความเดือดร้อนตามเหตุแห่งการร้องเรียนนั้นๆ๒. เมื่อมีการร้องเรียน ผู้ร้องและพยานจะไม่ถูกดำเนินการใดๆ ที่กระทบต่อหน้าที่การงานหรือการดำรงชีวิต หากจำเป็นต้องมีการดำเนินการใดๆ เช่น การแยกสถานที่ทำงานเพื่อป้องกันมิให้ผู้ร้อง ผู้เป็นพยาน และผู้ถูกกล่าวหาพบปะกัน เป็นต้น ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ร้องและผู้เป็นพยาน๓. ข้อร้องขอของผู้เสียหาย ผู้ร้อง หรือพยาน เช่น การขอย้ายสถานที่ทำงานหรือวิธีการ ในการป้องกันหรือแก้ไขปัญหา ควรได้รับการพิจารณาจากบุคคลหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบตามความเหมาะสม๔. ให้ความคุ้มครองผู้ร้องเรียนไม่ให้ถูกกลั่นแกล้ง
มาตรการคุ้มครองผู้ถูกกล่าวหา๑. ในระหว่างการพิจารณาข้อร้องเรียนยังไม่ถือว่าผู้ถูกกล่าวหามีความผิด ต้องให้ความเป็นธรรมและให้ได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับบุคลากรอื่น๒. ให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาในการชี้แจงข้อกล่าวหาอย่างเต็มที่ รวมทั้งสิทธิในการแสดงเอกสาร/พยานหลักฐานการติดตามประเมินผลให้ฝ่ายบริหารงานบุคคล ของโรงเรียน จัดทำข้อมูลสถิติ การรับเรื่องร้องเรียน/ร้องทุกข์ พร้อมทั้งปัญหาอุปสรรค แนวทางการแก้ไขแล้วรายงานให้ผู้อำนวยการสถานศึกษาทราบ