ค้นหา Q&A

วันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2565

การประเมินความเสี่ยงเพื่อป้องกันการทุจริต

  • การจัดทำแบบควบคุมภายใน
  • การนิเทศติดตามภายใน ภายนอก
  • การจัดทำแบบสอบถามความพึงพอใจ 


  1. จัดให้มีการร่วมกันกำหนดนโยบาย วางแผนในเรื่องการจัดหาและพัฒนาสื่อการเรียนรู้และเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ของสถานศึกษา
  2. พัฒนาบุคลากรในสถานศึกษาในเรื่องเกี่ยวกับการพัฒนาสื่อการเรียนรู้และเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา พร้อมทั้งให้มีการจัดตั้งเครือข่ายทางวิชาการ ชมรมวิชาการเพื่อเป็นแหล่งการเรียนรู้ของสถานศึกษา
  3. พัฒนาและใช้สื่อและเทคโนโลยีทางการศึกษา โดยมุ่งเน้นการพัฒนาสื่อและเทคโนโลยีทางการศึกษาที่ให้ข้อเท็จจริงเพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ ๆ เกิดขึ้น โดยเฉพาะหาแหล่งสื่อที่เสริมการจัดการศึกษาของสถานศึกษาให้มีประสิทธิภาพ
  4. พัฒนาห้องสมุดของสถานศึกษาให้เป็นแหล่งการเรียนรู้ของสถานศึกษาและชุมชน
  5. นิเทศ ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานของบุคลากรในการจัดหา ผลิตใช้และพัฒนาสื่อและเทคโนโลยีทางการศึกษา

วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

มาตรการเผยแพร่ข้อมูลสู่สาธารณะ

            ด้วยรัฐบาลให้ความสำคัญกับการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร การอำนวยความสะดวกและตอบสนองความต้องการของประชาชน เพื่อให้เกิดการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี เป็นประโยชน์สุขต่อประชาชน และเกิดความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ประกอบกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) กำหนดแนวทางการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment - ITA) ให้โรงเรียนบ้านหัวดอย กำหนดมาตรการในการเผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณะ โรงเรียนบ้านหัวดอย จึงมีมาตรการกำหนดแนวทางปฏิบัติ ดังนี้

1. มาตรการเผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณะผ่านเว็บไซต์ของหน่วยงาน
            1.1 เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของหน่วยงานอย่างน้อยตาม มาตรา 7 พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ.2540 มาตรา 43 และมาตรา 44 พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2564 และไม่เผยแพร่ข้อมูลตาม มาตรา 14 และ 15 พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540
            1.2 ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ของหน่วยงานให้มีความทันสมัย เป็นปัจจุบัน โดยคำนึงถึงความเหมาะสมกับสถานการณ์ และความพร้อมของบุคลากร/ทรัพยากรในหน่วยงาน
            1.3 เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารตามแนวทางการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ
            1.4 ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การรักษาความมั่นคงปลอดภัยบนเว็บไซต์

2. แนวทางการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะผ่านเว็บไซต์ของหน่วยงาน
            2.1 ลักษณะ/ประเภทข้อมูลที่หน่วยงานต้องเผยแพร่ต่อสาธารณะ ได้แก่
                (1) โครงสร้างและการจัดองค์กรในการดำเนินงาน
                (2) สรุปอำนาจหน้าที่ที่สำคัญและวิธีดำเนินงาน
                (3) สถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสารหรือคำแนะนำในการติดต่อกับหน่วยงานของรัฐ
                (4) กฎ ข้อบังคับ คำสั่ง หนังสือเวียน ระเบียบ แบบแผน และนโยบาย
                (5) แผนงาน โครงการ ความก้าวหน้าของการดำเนินงาน การใช้จ่ายงบประมาณผลผลิต/ผลลัพธ์ของโครงการ การประเมินผลการปฏิบัติงานของหน่วยงาน
                (6) แผนการจัดซื้อจัดจ้างประจำปี
                (7) อื่นๆตามความเหมาะสม                   

        2.2 ระบุวิธีการ ขั้นตอนการดำเนินงาน ระบุเวลาการดำเนินการและผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการเผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณะอย่างชัดเจน

  3. กำหนดกลไกการกำกับติดตามการดำเนินงานเผยแพร่ข้อมูล 

                โดยแต่งตั้งคณะทำงานหรือมอบหมายเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานในการดูแลเว็บไซต์ เพื่อให้มีการดำเนินงานเผยแพร่ข้อมูลอย่างต่อเนื่องเป็นปัจจุบัน รายงานผลการดำเนินงาน  สรุปปัญหาและอุปสรรคต่อผู้บริการ  อาทิ จำนวนข่าวที่เผยแพร่ จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ของหน่วยงาน จำนวนผู้ขอข้อมูลหรือแสดงความคิดเห็นทางเว็บไซต์เป็นต้น  ทั้งนี้ ได้จัดทำดัชนีระบุตำแหน่งหรือ URL ที่เปิดเผยข้อมูลและแสดงข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะตามประกาศ  
ณ วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2564
   



งานประชาสัมพันธ์
งานเทคโนโลยีสารสนเทศ
  1. วางแผน รวบรวม และจัดทำข้อมูลสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับงานบริหารทั่วไป สารสนเทศพื้นฐานของโรงเรียน สารสนเททศเพื่อการบริหารจัดการ สารสนเทศเพื่อการรายงาน เผยแพร่และประชาสัมพันธ์อย่างเป็นระบบ และเป็นปัจจุบัน
  2. รวบรวมเอกสารงานบริหารทั่วไป โดยจัดหมวดหมู่ให้เป็นระเบียบ
  3. ประเมิน และสรุปรายงานผลการดำเนินงาน
  4. กำหนดเป้าหมายและขอบข่าย ของระบบสารสนเทศสถานศึกษาของโรงเรียน
  5. สร้างจัดเตรียมความพร้อมวัสดุ อุปกรณ์ ซอฟท์แวร์ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ
  6. ประสานข้อมูลสารสนเทศโรงเรียน เพื่อวิเคราะห์สภาพปัญหาปัจจุบันและปัญหาของโรงเรียน
  7. เก็บข้อมูลสารสนเทศให้ถูกต้องตามระบบ และโครงสร้างของโรงเรียน
  8. จัดทำเอกสารสารสนเทศหนังสือเป็นเล่ม 1 ปี 1 เล่ม
  9. จัดเตรียมข้อมูลแล้วให้บริการข้อมูล และสารสนเทศของโรงเรียนตามโปรแกรม ให้สามารถเรียกค้นข้อมูลบุคลากรได้ทันที สะดวก รวดเร็ว
  10. พัฒนาและดูแลระบบสารสนเทศของโรงเรียน
 การประชาสัมพันธ์งานการศึกษา
                การนำเสนอสื่อกิจกรรม เพื่อรวบรวมข้อมูลที่สามารถสนับสนุนนักเรียนผ่านขั้นตอนการทำกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เราจำเสริมสร้างนักเรียนให้กล้าแสดงออกในทางที่ถูกต้อง โดยการควบคุมความปลอดภัยของข้อมูลด้วยครู เราจะปกป้องสิทธิเด็กและเสนอกิจกรรมของพวกเขาเพื่อเป็นแนวทางที่ดีสำหรับคนอื่นๆ และเพื่อเปิดโอกาสการได้รับการสนับสุนในความสามารถของพวกเขา หากมีผู้คนเห็นกิจกรรมที่เขาทำมีประโยชน์ การทำโครงการรณรงค์ผ่านวีดีโอของโรงเรียน โดย You Tube มีคุณภาพ หากครูหรือเจ้าหน้าที่มีความเข้าใจในการจัดสรรทรัพยากรที่เราได้รับการสนับสนุน ดังนั้น วีดีโอ จึงจัดอยู่ในรูปแบบการนำเสนอกิจกรรมต่างๆ เพื่อรายงานคุณภาพการจัดการศึกษา ไม่ได้เน้นสร้างเพื่อให้เด็กๆ รับชมเพียงอย่างเดียว เราหวังว่าเราจะใช้ประโยชน์จากโปรแกรมตัดต่อวิดีโอ YouTube สำหรับวิดีโอ เพื่อส่งเสริมงานปรุชาสัมพันธ์ และสร้างสื่อเพื่อเชื่อมต่อระหว่างผู้ปกครอง ชุมชน โรงเรียน และหน่วยงานที่ดูแลโรงเรียน ให้รับรู้ถึงวิธีการเรียนการสอน และช่วงเวลาที่สำคัญของเด็กๆ

รูปแบบการนำเสนอ
- วีดีโอ ยูทูป
- ข่าวหน้าเดียว
- อินโฟหราฟฟิก
- เว็บไซด์
- บล็อกเกอร์
- โซเชียลมีเดีย
- แผ่นพับ
- บอร์ดประชาสัมพันธ์บบริเวณโรงเรียน

มาตรการภายในเพื่อเสริมสร้างความโปร่งใสฯ

 มาตรการภายในเพื่อเสริมสร้างความโปร่งใสและป้องกันทุจริต

                
ตามที่สำนักคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ นั้น โรงเรียนบ้านหัวดอย จึงขอประกาศเจตจำนงทางการเมืองในการต่อต้านการทุจริตของผู้บริหารที่จะบริหารงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตมีคุณธรรมมีความโปร่งใส ปราศจากการทุจริต เพื่อเสริมสร้างคุณธรรมและความโปร่งใสในการบริหารราชการของโรงเรียนบ้านหัวดอย อันจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ และประชาชน 

           จึงขอให้คำมั่นที่จะนำพาข้าราชการครู บุคลากรและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนบ้านหัวดอย ทุกคน ให้ปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตยุติธรรม ควบคู่กับการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่ทุกระดับ รวมทั้งตอบสนองและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและขอกำหนดแนวทางให้ถือปฏิบัติ และดำเนินการโดยเจตจำนง บริหารงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ทั้งต่อเจ้าหน้าที่ภายในหน่วยงาน และสาธารณชนภายนอก เพื่อเป็นการแสดงความตั้งใจหรือคำมั่นที่จะนำพาหน่วยงานปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีคุณธรรมมีความโปร่งใส ปราศจากการทุจริตและพร้อมที่จะได้รับการตรวจสอบการปฏิบัติงานตามเจตจำนงที่ได้แสดงไว้ 

        ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารขององค์กรพร้อมเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งจากภายในและภายนอกหน่วยงาน สามารถเข้าถึงข้อมูลด้วยวิธีต่าง ๆ ได้หลากหลายช่องทางการ ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างให้เกิดความโปร่งใสในทุกขั้นตอนภาคเอกชนภาคประชาสังคมและภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบการปฏิบัติงานข่าวสารในการดำเนินกิจกรรมทุกรูปแบบและเปิดโอกาสให้โดยเปิดเผยข้อมูล ตามนโยบายในการพัฒนาองค์กรให้มีคุณธรรมและความโปร่งใส ข้าพเจ้าจะบริหารงานด้วยความถูกต้องยุติธรรม ตามประกาศโรงเรียนบ้านหัวดอย เรื่อง เจตจำนงสุจริตในการบริหารงานโรงเรียนบ้านหัวดอย โดย นายสังวาลย์ คำจันทร์ ตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหัวดอย

วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2565

หลักเกณฑ์การบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคล




การพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาให้เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้  ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและมีความสามารถในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) สู่ฐานสมรรถนะ     

กระบวนการ/วิธีการดำเนินงาน

วางแผนจัดทำกิจกรรมการพัฒนาตนเองให้มีความรู้  มีทักษะใหม่ๆ  เช่น การเข้าร่วมอบรม/ สัมมนาในรูปแบบออนไลน์  และจัดทำโครงการพัฒนาบุคากร กำหนดภาระงานของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา  รวมทั้งส่งเสริมบุคลากรเข้ารับการการอบรมพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอ  เพื่อพัฒนาตนเองให้เป็นครูมืออาชีพ  โดยมีการรายงานผลการนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในการปฏิบัติติงานและเก็บข้อมูลเป็นสารสนเทศบุคลากรของสถานศึกษา ส่งเสริมครูให้ใช้สื่อ เทคโนโลยี นวัตกรรมทางการศึกษา ทำให้ครูมีความรู้  มีความสามารถใช้เครื่องมือดิจิทัลช่วยสอนนักเรียนให้เข้าใจบทเรียนเร็วขึ้น  การส่งเสริมและพัฒนาด้านคุณธรรมจริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ  และการเป็นผู้นำในชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ และให้บุคลากรมี ID Plan ทุกคน   

จัดระบบการบริหารเพื่อวางแผนอัตรากำลัง และการมอบหมายงาน

-       ออกแบบโครงสร้างการแบ่งงานและมาตรฐานการปฏิบัติติงานตามสายงานของสถานศึกษา

-       ศึกษาสภาพปัญหาในปัจจุบันโดยพิจารณาตามภารกิจ 4 งาน

-    การวิเคราะห์งานเป็นกระบวนการศึกษาและรวบรวมข้อมูลเพื่อทราบปริมาณงาน ขอบเขตหน้าทีและความรับผิดชอบของงานความเกี่ยวพันของงานที่เกี่ยว กับกิจกรรมอื่น ๆ ภายในองค์กร

-     การวางแผนและการพยากรณ์กำลังคนเพื่อบรรจุตำแหน่งที่ว่างหรือขาด 

-    พัฒนาครูให้เป็นไปตามมาตรฐานการปฏิบัติงานตามสายงาน

-    จัดสิ่งอำนวยความสะดวกในการทำงานให้เหมาะสมกับมาตรฐานการปฏิบัติงาน

-    จัดบรรยากาศวัฒนธรรมการทำงานของโรงเรียนให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้

ผลการดำเนินงาน        

-          การจ้างครูอัตราจ้างรายเดือนต่อเนื่อง ด้วยเหตุผลและความจำเป็นเนื่องจากเป็นสาขาที่ขาดแคลน เพื่อยกระดับการพัฒนาคุณภาพวิชาการและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โดยเป็นไปตามความเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษาและผู้ปกครอง รายละเอียดดังนี้

-          ได้รับการอนุมัติให้จ้างบุคลากรด้วยเงินนอกงบประมาณ จำนวน 3 อัตรา ระยะเวลา  1 ปี

รายเดิมต่อเนือง จำนวน   2 อัตรา   รายใหม่ จำนวน  1 อัตรา

-          การส่งเสริมเสริมสนับสนุนบุคลากรทุกระดับ ทำให้โรงเรียนมีคลังปัญญา สามารถต่อยอดองค์ความรู้และเป็นโคชให้ผู้อื่นได้  https://sites.google.com/itcri.com/uskill/school-office365

-          โรงเรียนมีบุคลากรดูแลระบบ  ดูแลคลาสรูมที่เชื่อมต่อแหล่งเรียนรู้ด้วยตนเอง เช่น CANVA ,OFFICE365 , GOOGLE CLASSROOM และอื่นๆ

 

 

 

 

 

 

 

 

ข้อมูลผู้บริหาร

วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2565

โครงการเสริมสร้างธรรมมาภิบาล ทำงานโปร่งใส ร่วมใจต้านทุจริต

1. ความสำคัญ         

                 ตามยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ยุทธศาสตร์ที่ ๒ ยกระดับเจตจำนงทางการเมืองในการต่อต้านการทุจริต ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 มกราคม ๒๕๕๙ เห็นชอบให้หน่วยงานภาครัฐทุกหน่วยงาน เข้าร่วมรับการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีคุณธรรม มีความโปร่งใส โดยเสริมสร้างคุณธรรมและธรรมาภิบาลในบริหารราชการ อันจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ และประชาชน และโรงเรียนบ้านหัวดอยได้ตระหนักถึงความสำคัญถึงคุณภาพชีวิตของนักเรียน ครูและบุคลากร รวมถึงผู้ปกครอง ชุมชน และสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์โรคระบาดโคโรนาไวรัส 2019 ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเร่งการปรับตัวเพื่อให้เกิดทักษะที่สามารถใช้ชีวิตให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่มีทั้งดี และเป็นอันตราย โดยเฉพาะการใช้ทรัพยากรสื่อที่มีอยู่ให้เกิดคุณประโยชน์ด้านการศึกษาให้กับครูและนักเรียน มีการจัดกิจกรรมอย่างหลากหลายที่ส่งเสริม สนับสนุน ในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงและภัยคุกคามรูปแบบใหม่ทุกรูปแบบ จัดกิจกรรมที่เน้นคุณธรรมจริยธรรมและวินัยพื้นฐาน เช่น การตรงต่อเวลา ความมีน้ำใจ มีความรับผิดชอบ ความกตัญญูกตเวที ความสามัคคีในหมู่คณะ การช่วยเหลือแบ่งปันและเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน

                    โรงเรียนบ้านหัวดอย ได้ศึกษาและบริหารงานซึ่งครอบคลุมด้านความโปร่งใส ด้านความพร้อมรับผิดด้านความปลอดจากการทุจริตในการปฏิบัติงาน ด้านวัฒนธรรมคุณธรรมในองค์กร ด้านคุณธรรมการทํางาน ในหน่วยงาน และด้านการสื่อสารทั้งภายในและภายนอกหน่วยงาน สร้างความเชื่อมั่นว่าความประพฤติของข้าราชการและบุคลากรทุกคน จะต้องตอบสนองต่อความต้องการของสังคมเป็นที่เชื่อถือไว้วางใจของประชาชนในขณะที่ปฏิบัติหน้าที่ตามความรับผิดชอบของตนเพื่อใช้เปรียบเทียบกับการปฏิบัติและการพิจารณาปรับปรุงพฤติกรรมตนเองให้เหมาะสมอันจะส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษา และการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้เรียนรู้ได้อย่างเต็มศักยภาพโดยส่วนหนึ่งของโครงการได้ใช้เครื่องมือการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ(Integrity and Transparency Assessment : ITA) เพื่อช่วยยกระดับธรรมาภิบาลในหน่วยงานให้ได้รับการพัฒนาและยกระดับคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานตามภารกิจของตนเองได้อย่างเหมาะสมอันจะเป็นการแก้ไขปัญหาการทุจริตที่ยั่งยืนสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันการทุจริตในภาพรวมของประเทศต่อไป


2. วัตถุประสงค์
  1. เพื่อส่งเสริมให้บุคลากรภายในหน่วยงานเข้ามามีส่วนร่วมในการสะท้อนความคิดเห็นต่อการดำเนินงานและการบริหารงาน
  2. เพื่อให้ครูและบุคลากรรวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้รับทราบแนวทางในการปรับปรุงหรือพัฒนาในเรื่องคุณธรรมและความโปร่งใสในการทำงาน
  3. เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้การดำเนินงานเรื่องการป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อนในการปฏิบัติงานของหน่วยงานในทุกระดับ และมีความตระหนักถึงการป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อนในการปฏิบัติงาน
  4. เพื่อประเมินการรับรู้ของบุคลากรภายในหน่วยงานต่อการปฏิบัติงานของบุคลากรอื่นในหน่วยงานของ ตนเอง
  5. เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลจากผลการปฏิบัติงานเปิดเผยต่อสาธารณะ  ในเว็บไซด์ของโรงเรียน และเครื่อข่ายโชเชียลเน็ตเวอร์ค  ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลในเว็บไซต์ได้
3. ตัวชี้วัด
3.1 เชิงปริมาณ    
      3.1.1 มีข้อมูลรายละเอียดสรุปผลการดำเนินการ อย่างน้อยประกอบด้วย ผลการดำเนินการโครงการหรือกิจกรรม ผลการใช้จ่ายงบประมาณ ปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะ จำนวน 20  โครงการ  
3.1.2 มีเว็บไซด์หลักในการเปิดเผยข้อมูลและประชาสัมพันธ์ อย่างน้อยจำนวน 3 แพลตฟอร์มและผ่านเกณฑ์การประเมิน ITA  ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90  
3.1.3 ครูและบุคลากรมีส่วนร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงานตามภารกิจของสถานศึกษา ครบทุกคน
3.2 เชิงคุณภาพ
               3.2. 1. ข้าราชการครูและบุคลากรทุกคน ปฏิบัติงานอย่างมีคุณธรรมความโปร่งใสในการดําเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล รักษาผลประโยชน์ของรัฐและมอบความเป็นธรรมแก่ประชาชนอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม ยึดหลักธรรมาภิบาลในการบริหารงาน  ต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบ โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของประชาชนและร่วมใจทําดีเพื่อให้นักเรียนได้รับการศึกษาอย่างคุณภาพ
             3.2.2 เกิดการพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้และทักษะ การเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ การป้องกันการทุจริต และการให้บริการสาธารณะ ทางเว็บไซต์ของหน่วยงาน เพื่อยกระดับการเปิดเผยข้อมูลหรือข่าวสารสาธารณะในครอบครองของหน่วยงานภาครัฐให้เป็นหน้าที่หลักที่ต้องปฏิบัติตาม พรบ ข้อมูลข่าวสาร ให้ความร่วมมือและเข้าร่วมการประเมิน ITA ในปีงบฯ 2565 – 2570
             3.2.3. ข้าราชการครูและบุคลากรทุกคน  ตอบสนองต่อความต้องการของสังคม เป็นที่เชื่อถือ และ
เป็นที่ไว้วางใจของประชาชน และประพฤติตนอย่างสมเกียรติในขณะที่ปฏิบัติหน้าที่ตาม
ความรับผิดชอบของตน

4. เป้าหมาย   
             ผลการปฏิบัติงานของข้าราชการครูและบุคลากรโรงเรียนบ้านหัวดอย และการปฏิสัมพันธ์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน

5. กิจกรรมและการดำเนินงาน
กิจกรรม/ระยะเวลาดำเนินงาน/ผู้รับผิดชอบ                                                                     
  • ศึกษาสภาพปัจจุบันปัญหาและความต้องการ           
  • แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงาน                              
  • วางแผนดำเนินงานโครงการ/กิจกรรม                       
  • ดำเนินงาน/กิจกรรมตามแผน                                 
  • กิจกรรมการประเมิน 3 ขั้นตอน IIT OIT ITA            
  • กิจกรรมประเมิน ตามตัวชี้วัด ITA นำเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ    
  • ติดตามประเมินผล/ตรวจสอบปรับปรุงพัฒนา                
  • สรุปและรายงานผล                                                                                 

6. สถานที่ดำเนินการ     โรงเรียนบ้านหัวดอย 

7. งบประมาณ    จำนวนเงิน           บาท 

8. การติดตามประเมินผล

รายละเอียดตัวชี้วัดของแบบวัด 
                  การเปิดเผยข้อมูล เป็นตัวชี้วัดที่มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นปัจจุบันบนเว็บไซต์ของหน่วยงาน เพื่อเปิดเผยข้อมูลต่าง ๆ ของหน่วยงานให้สาธารณชนได้รับทราบ ใน 5 ประเด็น คือ
    • ข้อมูลพื้นฐาน ได้แก่ ข้อมูลพื้นฐาน ข่าวประชาสัมพันธ์ และการปฏิสัมพันธ์ข้อมูล 
    • การบริหารงาน ได้แก่ แผนดำเนินงาน การปฏิบัติงาน และการให้บริการ 
    • การบริหารเงินงบประมาณ ได้แก่ แผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี และการจัดซื้อจัดจ้างหรือการจัดหาพัสดุ 
    • การบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคล ได้แก่ นโยบายการบริหารทรัพยากรบุคคล การดำเนินการ 
    • ตามนโยบายการบริหารทรัพยากรบุคคล และหลักเกณฑ์การบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคล 
    • การส่งเสริมความโปร่งใสในหน่วยงาน ได้แก่ การจัดการเรื่องร้องเรียนการทุจริตและประพฤติมิชอบ และการเปิดโอกาสให้เกิดการมีส่วนร่วม ซึ่งการเผยแพร่ข้อมูลในประเด็นข้างต้นแสดงถึง  ความโปร่งใสในการบริหารงานและการดำเนินงานของหน่วยงาน





วันพุธที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

ประกาศโรงเรียนบ้านหัวดอย


โรงเรียนบ้านหัวดอย ตำบลท่าสาย อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 1 จะดำเนินการรับสมัครสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อจ้างเป็นครูอัตราจ้างชั่วคราว ทำหน้าที่ครูผู้สอน สาขาวิชาคณิตศาสตร์ เพื่อยกระดับการพัฒนาคุณภาพวิชาการและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ตามหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาลูกจ้างชั่วคราวที่จ้างจากเงินนอกงบประมาณ  สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2560 และ คำสั่งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน คำสั่งที่ 1120/2560 สั่ง ณ วันที่ 24 กรกฎาคม 2560


ปฏิทินการดำเนินการคัดเลือกบุคคลเพื่อจ้างเป็นลูกจ้างชั่วคราว
ตำแหน่ง ครูผู้สอน ปีงบประมาณ 2565
โรงเรียนบ้านหัวดอย สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 1

TTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTT

        วันที่ 18  พฤษภาคม   พ.ศ.  2565      -         ประกาศรับสมัคร / รับสมัคร
        วันที่ 23  พฤษภาคม   พ.ศ.  2565      -         ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้ารับการคัดเลือก
        วันที่ 24  พฤษภาคม   พ.ศ.  2565      -         ดำเนินการสอบคัดเลือก
        วันที่ 26  พฤษภาคม   พ.ศ.  2565      -         ประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านการคัดเลือก
        วันที่ 30  พฤษภาคม   พ.ศ.  2565      -         รายงานตัว/ทำสัญญาจ้าง
        วันที่  1   มิถุนายน      พ.ศ.  2565      -         เริ่มปฏิบัติงาน

TTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTTT

วันเสาร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

มาตรการป้องกันการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน/ผลประโยชน์ส่วนรวม

ด้วย โรงเรียนบ้านหัวดอย ได้ให้ความสำคัญต่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริตตามนโยบายรัฐบาลซึ่งได้กำหนดเป็นยุทธศาสตร์ชาติ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐและมีเจตนารมณ์ในการดำเนินงานอย่างโปร่งใส มีคุณธรรม โดยยึดมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคม และผู้มีส่วนได้เสียตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี และเพื่อให้สอดคล้องตามเกณฑ์การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (ITA) ประจำปีงบประมาณ 2565 ดังนั้น เพื่อเป็นการส่งเสริมให้หน่วยงานสามารถป้องกันการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง โรงเรียนบ้านหัวดอย จึงได้ประกาศมาตรการป้องกันการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ดังนี้

  1. ผู้ปฏิบัติงานของโรงเรียนบ้านหัวดอย ต้องมีความเข้าใจความหมายของการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม หรือผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interrest) การขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน กับผลประโยชน์ส่วนรวม หรือผลประโยชน์ทับซ้อน หมายถึง การที่เจ้าหน้าที่ของรัฐมีผลประโยชน์ส่วนตนอยู่ และมีการใช้อิทธิพลตามอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบเพื่อให้เกิดผลประโยชน์ส่วนตัว โดยก่อให้เกิดผลเสียต่อผลประโยชน์ส่วนรวม ผลประโยชน์ทับซ้อนมีหลายรูปแบบไม่จำกัดอยู่ในรูปของตัวเงินหรือทรัพย์สินเท่านั้น แต่รวมถึงผลประโยชน์อื่น ๆที่ไม่ใช่รูปตัวเงินหรือทรัพย์สินก็ได้ ถือเป็นการทุจริตคอร์รัปชันประเภทหนึ่ง เพราะเป็นการแสวงหาประโยชน์ส่วนบุคคลโดยการละเมิดต่อกฎหมาย ด้วยการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ไปแทรกแซงการใช้ดุลพินิจในกระบวนการตัดสินใจของเจ้าหน้าที่ของรัฐ จนทำให้เกิดการละทิ้งคุณธรรมในการปฏิบัติหน้าที่สาธารณะ ขาดความเป็นอิสระ ความเป็นกลางและความเป็นธรรม ส่งผลกระทบต่อประโยชน์สาธารณะของส่วนรวม และทำให้ผลประโยชน์หลักขององค์กร หน่วยงานและสังคมต้องสูญเสียไป
  2. แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม หรือผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interrest) การส่งเสริมให้ผู้ปฏิบัติงานมีความเข้าใจเกี่ยวกับการกระทำที่เป็นการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม หรือผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interrest) สามารถแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวมได้ รวมถึงไม่มีพฤติกรรมที่เข้าข่ายการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม หรือผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interrest)
  3. พฤติกรรมที่เข้าข่ายการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม หรือผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interrest)
  4. การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคล นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย หรือกฎข้อบังคับที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เว้นแต่การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยา
  5. การเข้าเป็นผู้มีส่วนได้เสียไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือบุคคลอื่น ซึ่งเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม
  6. การกำหนดนโยบาย การเสนอหรือให้ความเห็นชอบกฎหมาย ระเบียบ กฎใดๆอันเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อกิจการของตน คู่สมรส บุตร หรือบิดามารดา
  7. การใช้ข้อมูลภายในของรัฐที่ยังเป็นความลับอยู่ซึ่งตนได้รับหรือรู้จากการปฏิบัติหน้าที่หรือการใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต
  8. การริเริ่ม เสนอ จัดทำ อนุมัติโครงการของหน่วยงาน เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อตนเองหรือบุคคลหนึ่งบุคคลใดโดยเฉพาะไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
  9. การใช้ทรัพย์สินของหน่วยงานที่ตนสังกัดหรือที่ตนปฏิบัติหน้าที่อยู่เพื่อประโยชน์ของตนเองหรือผู้อื่น เว้นแต่ได้รับอนุญาตโดยชอบด้วยกฎหมาย
  10. การคับของขวัญ ของที่ระลึก เงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ที่มีผู้มอบให้ในโอกาสที่เจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติงานตามตำแหน่งหน้าที่ของตนหรือตามที่ได้รับมอบหมาย แม้ว่าผู้มอบจะระบุให้เป็นการส่วนตัวก็ตาม เว้นแต่เป็นสิ่งที่อาจได้รับตามกฎหมายหรือกฎ หรือเป็นสิ่งที่ได้รับตามจำนวนที่สมควรตามปกติประเพณีนิยมในการปฏิบัติหน้าที่ หรือเป็นการรับการให้ในลักษณะให้แก่บุคคลทั่วไป

ตามประกาศโรงเรียน
ประกาศ ณ วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2565
(นายสังวาลย์ คำจันทร์)
ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหัวดอย

มาตรการตรวจสอบการใช้ดุลยพินิจ

 

                      โรงเรียนได้กำหนดวิสัยทัศน์  พันธกิจ  นโยบายและแผนกลยุทธ์ ให้สอดคล้องกับการสถานการณ์การเกิดโรคระบาด COVID-19   มีการจัดทำแผน   เพื่อให้การสร้างความสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมของครู บุคลากรในสถานศึกษา  ผู้ปกครอง  ชุมชน   และสังคม   โรงเรียนตระหนักถึงความสำคัญถึงคุณภาพชีวิตของนักเรียนและบุคลากรในโรงเรียน ในสถานการณ์โรคระบาดโคโรนาไวรัส 2019 จึงเป็นสิ่งสำคัญต้องเร่งการปรับตัวเพื่อให้เกิดทักษะที่สามารถใช้ชีวิตให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่มีทั้งดี และเป็นอันตราย โดยเฉพาะการใช้สื่อที่มีอยู่ให้เกิดคุณประโยชน์กับนักเรียน มีการกิจกรรมอย่างหลากหลายที่ส่งเสริม สนับสนุน ในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงและภัยคุกคามรูปแบบใหม่ทุกรูปแบบ จัดกิจกรรมที่เน้นคุณธรรมจริยธรรมและวินัยพื้นฐานให้แก่นักเรียน เช่นการตรงต่อเวลา ความมีน้ำใจ  มีความรับผิดชอบ ความกตัญญูกตเวที ความสามัคคีในหมู่คณะ การช่วยเหลือแบ่งปันและเห็นอกเห็นใจซึ่งกันละกัน 

                     อย่างไรก็ตาม  สิ่งที่สำคัญที่สุด   คือการบริหารงานอย่างมีความชื่อสัตย์   สุจริต  รักษาประโยชน์ส่วนรวม ไม่อาศัยหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้อำนาจและหน้าที่ของตน เพื่อแสวงหาประโยชน์ ปฏิบัติตามระเบียบ กฎหมาย นโยบาย และคำสั่งของผู้บังคับบัญชา มีความวิยะ อุตสาหะ ตรงต่อเวลา และอุทิศเวลาให้แก่ทางราชการ มีจิตสำนึกที่ดี มุ่งบริการต่อกลุ่มเป้าหมายผู้รับบริการ โดยไม่เลือกปฏิบัติ  รักษาคุณภาพตามมาตรฐานวิชาชีพและจรยาบรรณวิชาชีพ รักษาภาพลักษณ์และความสามัคคีในองค์กร ชุมชน และสังคม   หากมีเหตุอันใดที่ต้องเป็นเหตุให้วินิจฉัยข้อเท็จจริง โรงเรียนมีมาตรการตรวจสอบการใช้ดุลยพินิจ  รายละเอียดดังนี้  

 ​วัตถุประสงค์

            เพื่อกำหนดมาตรการ แนวทาง ตลอดจนกลไกในการกำกับ ตรวจสอบ การปฏิบัติงานของครูและบุคลากร  ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ และหลักเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อเสริมสร้างความโปร่งใส ตลอดจนเป็นแนวทางปฏิบัติให้แก่ผู้ปฏิบัติงาน

มาตรการ 

  1. การกลั่นกรอง ตรวจสอบการใช้ดุลพินิจก่อนดำเนินการ
    • แต่งตั้งผู้มีหน้าที่พิจารณา  บุคลากรที่ต้องมีอำนาจหน้าที่ในเรื่องดังกล่าวและต้องไม่มีส่วนได้เสียในเรื่องที่พิจารณา
    • การพิจารณา  ต้องมีรายละเอียดเป็นลายลักษณ์อักษรระบุเหตุที่มา ข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย และรายละเอียดสนับสนุนการใช้ดุลพินิจ เสนอผู้บังคับบัญชาตามระดับชั้น ในกรณีการพิจารณาในเรื่องสำคัญที่ซับซ้อน   มีผลกระทบมาก   อาจมีการตั้งคณะทำงานที่มาจากฝ่ายงานต่าง ๆ  และจากบุคคลภายนอก   เพื่อให้ได้ความเห็นที่เป็นประโยขน์ในการประกาบการพิจารณา การใช้ดุลพิจิจ ด้วยความยุติธรรม
    • นอกจากนี้  ได้แต่งตั้งคณะกกรมมการติดตามผลการดำเนินงาน   และคณะกรรมการตรวจสอบ  จะทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้ดุลพินิจของฝ่ายงานต่าง ๆ  เป็นระยะด้วย   เพื่อให้มั่นใจว่ามีการปฏิบัติตตามกลไกต่าง ๆ  ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    • การให้สิทธิแก่ผู้ถูกพิจารณา   ก่อนที่จะมีการออกคำสั่งใด ๆ ที่จะกระทบกระเทือนต่อสิทธิของผู้อื่น   จะต้องมีการแจ้งให้ผู้ที่ถูกกระทบสิทธิรับทราบ   และให้โอกาสในการโต้แย้งแสดงพยานหลักฐาน  โดยปฏิบัติให้เป็นไปตามเงื่อนไขและวิธีปฏิบัติราชการ
    • การออกคำสั่ง   ต้องจัดทำเป็นหนังสือ / หนังสืออิเล็กทรอนิกส์โดยจัดให้มีเหตุผลประกอบ และจัดส่งพร้อมระบุสิทธิ

2. การพิจารณาข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการใช้ดุลพินิจ   

  • รณีร้องเรียนโต้แย้งดุลพินิจของโรงเรียน   (ไม่ว่าจะระบุตัวหรือไม่ก็ตาม)  ให้ส่วนงาน ที่
    เกี่ยวข้องเป็นผู้ดำเนินการและ/หรือมีหนังสือตอบผู้ร้องโดยตรง ทั้งนี้ หากผู้ร้องไม่เห็นด้วย เรื่องก็จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณา 
  • กรณีร้องเรียนเกี่ยวกับการใช้อำนาจ/ปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้อง (ไม่ว่าจะระบุตัวหรือไม่ก็ตาม) ให้คณะกรรมการ เป็นผู้ดำเนินการสอบถาม/หาข้อเท็จจริงเบื้องต้น (และ/หรือจะส่งให้ส่วนงานชี้แจงด้วยก็ได้) แล้วจึงสรุปผลการพิจารณาเสนอต่อผู้บริหาร  หากเห็นว่าเรื่องร้องเรียนมีประเด็นที่ควรพิจารณาความผิดทางวินัย ให้คณะกรรมการดำเนินการต่อ  หรือจะขอตั้งเป็นคณะทำงานร่วมกับฝ่ายบุคลากร  เพื่อพิจารณาเรื่องร้องเรียนร่วมกันก็ได้ หรือหากเห็นว่าควรมีการปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อลดความเสี่ยงการถูกร้องเรียน ก็ให้เสนอความเห็นต้นสังกัดได้
3. กรณีร้องเรียนทุจริต พฤติกรรมบุคคลที่ไม่เหมาะสม  โดยต้องระบุพฤติกรรมที่เป็นลักษณะของการกระทำความผิดวินัยที่ชัดเจนบุคคล เป็นผู้ดำเนินการจัดการข้อร้องเรียน (ตามมาตรการจัดการเรื่องร้องเรียนการทุจริต)

มาตรการส่งเสริมความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้าง

การบริหารงานพัสดุ-สินทรัพย์

  จัดทำแผนปฏิบัติราชการประจำปี  มีคำสั่งแต่งตั้งผู้รับผิดชอบด้านการเงินและสินทรัพย์  ตามหมวดบริหารงานด้านงบประมาณการให้ความร่วมมือ และรับข้อเสนอแนะจากำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ในระเบียบใหม่เพื่อให้บุคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่ ที่เกี่ยวข้อง  สามารถจัดทำบันทึกรายการควบคุมเงินของสถานศึกษา  มีหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน  มีการบริหารจัดการพัสดุ  มีรายงานผลการใช้จ่ายงบประมาณ  และนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการการเงิน และสินทรัพย์ ถูกต้อง โปร่งใส ตรวจสอบได้และเป็นปัจจุบัน 

แต่งตั้งบุคลากรดำเนินงานบริหารพัสดุและสินทรัพย์ 
คำสั่งที่ 82/2564 สั่ง ณ วันที่ 1 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2564

  1. นายสังวาลย์ คำจันทร์          ตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน     หัวหน้ากลุ่มงานอำนวยการ
  2. นางมาลินี พัวตระกุล            ตำแหน่งครูชำนาญการพิเศษ      หัวหน้างกลุ่มงานงบประมาณ
  3. นางจารุวรรณ อภินันท์ธรรม ตำแหน่ง ครูชำนาญการ               หัวหน้าพัสดุ /EGP
  4. นายทนง ไขทา                   ตำแหน่งครู                                 เจ้าหน้าที่พัสดุ/บัญชี
มีหน้าที่
  1. ดำเนินการจัดซื้อ จัดจ้าง จัดหาวัสดุ ครุภัณฑ์ ตรวจรับ ลงทะเบียนรับผิดชอบ เก็บรักษา ให้ครบขั้นตอน ให้เป็นไปตามระเบียบ ถูกต้องเรียบร้อยทุกขั้นตอน ดำเนินการให้รวดเร็วทันเวลา ควบคุมดูแลการจัดซื้อ จัดจ้าง ให้เป็นไปโดยประหยัด ได้พัสดุที่มีคุณภาพ
  2. ดำเนินการจัดทำบัญชีพัสดุ และทะเบียนครุภัณฑ์ และดำเนินการขึ้นทะเบียนที่ราชการพัสดุ จัดทำบัญชีวัสดุ และทะเบียนครุภัณฑ์ให้เป็นปัจจุบัน ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างต้องดำเนินการขึ้นทะเบียนที่ราชพัสดุ หรือมีการลงทะเบียนเกี่ยวกับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไว้ที่โรงเรียน ควบคุมการเบิกจ่ายพัสดุ ดำเนินการให้ถูกต้อง ตามระเบียบเป็นปัจจุบันอยู่เสมอ
  3. ติดตามการดูแลปรับซ่อมและบำรุงรักษาพัสดุ จัดให้มีการวางแผนปฏิบัติการ มีงานปรับซ่อมไว้ในแผนปฏิบัติการของโรงเรียน มีการตั้งงบประมาณค่าใช้จ่ายในการปรับซ่อมและการ
  4. บำรุงรักษา ควบคุมดูแลให้มีการปรับซ่อม และบำรุงรักษาพัสดุเป็นประจำ มีการดำเนินการแนะนำวิธีใช้และปรับซ่อมรักษาพัสดุของโรงเรียน
  5. ดำเนินการให้มีการตรวจสอบประจำปีและจำหน่ายพัสดุ ควบคุมดูแลบัญชีวัสดุ ทะเบียนครุภัณฑ์ รายงานการตรวจรับ – จ่ายพัสดุประจำปี รายงานการตรวจสอบวัสดุถาวร หลักฐาน
  6. การอนุมัติจำหน่ายและเอกสารอื่น ๆที่เกี่ยวข้อง ติดตามให้มีการดำเนินการตรวจสอบพัสดุประจำปีและตรวจสอบวัสดุถาวร โดยต้องให้รายงานทันกำหนด ดำเนินการจำหน่ายพัสดุตามระเบียบว่าด้วยพัสดุ
  7. ดำเนินการจัดทำเอกสาร แนะนำวิธีใช้ การปรับซ่อม หรือระเบียบต่าง ๆ ที่จำเป็น จัดทำแบบรายงาน แบบฟอร์มในการจัดซื้อ จัดจ้าง
  8. ดำเนินการใช้บริการด้านวัสดุ ครุภัณฑ์แก่บุคลากรฝ่ายต่าง ๆ ในโรงเรียนได้รวดเร็ว ทันกำหนดเวลา
  9. ควบคุมดูแลการประเมินผลด้านงานพัสดุ มีการจัดทำข้อมูลสถิติเกี่ยวกับงานพัสดุ
  10. ปฏิบัติงานอื่น ๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย
การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการเงินพัสดุและสินทรัพย์

แต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำรายงานการติดตามประเมินผลการควบคุมภายใน/ตรวจ ติดตามผลการปฏิบัติงานของโรงเรียนบ้านหัวดอย ประจำปีงบประมาณ 

๑. ความเสี่ยงที่มีอยู่ที่ต้องกำหนดปรับปรุงการควบคุมภายใน
  • การใช้จ่ายงบประมาณไม่เป็นไปตามหมวดและไม่ทันระยะเวลาที่กำหนดควบคุมภายใ
  • กระบวนการจัดชื้อจัดจ้างไม่เป็นไปตาม พรบ.การจัดชื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ และระเบียบที่เกี่ยวข้อง เช่น แบ่งชื้อแบ่งจ้าง, ข้อมูลประกอบการจัดชื้อไม่สมบูรณ์
๒. การปรับปรุงการควบคุมภายใน
  • จัดทำคู่มือ/แนวทางปฏิบัติให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
  • ศึกษาระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการจัดชื้อจัดจ้างให้เข้าใจถึงวิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง
  • มีระบบพี่เลี้ยงให้กับหน่วยงานพัสดุ (ส่งต่อฝ่ายตรวจสอบ สพป)
  • ป้องกันหรือลดความเสี่ยงจากการเสริมสร้างประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ  
  • การให้บุคลากรถือปฏิบัติตามวิธีการควบคุมโดยเคร่งครัด โดยเฉพาะในเรื่องระบบการเงิน พัสดุ

การบริหารการใช้จ่ายงบประมาณอย่างเป็นระบบสอดคล้องกับนโยบายปัญหาและความต้องการ

กระบวนการ/วิธีการดำเนินงาน

ผลการดำเนินงาน

ปัญหา/อุปสรรค

กระบวนการ 5 ขั้นตอน
1. การวางแผน งบประมาณ
2. การจัดทำงบประมาณ (จัดทำโครงสร้างแผนงานตามยุทธศาสตร์ / จัดทำคำขอ งบประมาณ/ พิจารณาคำของบประมาณ)
3. การอนุมัติงบประมาณ
4. การบริหารงบประมาณ (จัดทำแผนปฏิบัติงาน/จัดทำแผนใช้จ่ายงบประมาณ/จัดสรรงบประมาณ/การใช้จ่ายงบประมาณ
5. การประเมินผล
 ก่อนการดำเนินงาน
 ระหว่างการดำเนินงาน
 หลังการดำเนินงาน

วิธีดำเนินงาน   

1.      ตรวจสอบ วิเคราะห์ ผลการดำเนินงานตามเป้าหมายผลผลิต ตัวชี้วัดความสำเร็จรายกลยุทธ์ และมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานที่ยังไม่บรรลุผลสำเร็จ

2.   ตั้งประเด็นหรือสมมุติฐาน เพื่อเป็นแนวทางในการหาคำตอบ โดยศึกษาองค์ประกอบ ตัวแปรของปัจจัยภายนอก (ชุมชน ท้องถิ่น) และองค์ประกอบภายในโรงเรียน

3.   ศึกษาสภาพปัจจุบัน  แก้ปัญหาตามกรณี  และดำเนินการตรวจสอบงานงบประมาณที่ยังไม่ได้ดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกำหนดเวลา

4.   ผู้บริหารโรงเรียน นิเทศและติดตามผลการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง

 

การพิจารณาแผนและการปรับเปลี่ยนแผนปฏิบัติราชการ

..................................

ในกรณีสถานการณ์บังคับให้ต้องเปลี่ยนแปลงแผนปฏิบัติราชการ โรงเรียนมีระบบในการพิจารณาปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน โดยพิจารณา ทางเลือกในปรับเปลี่ยนแผนปฏิบัติการ 3 แนวทาง ดังนี้  

1.   การปรับเปลี่ยนแผนปฏิบัติราชการในระดับกิจกรรมของโครงการต่างๆ อาจมีการปรับปรุง เพิ่มเติมหรือ ยกเลิกกิจกรรม แต่วัตถุประสงค์และเป้าหมายของโครงการ/กิจกรรม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง อาจมีการเพิ่มเติมกิจกรรม หรือการยกเลิกกิจกรรม ให้ผู้รับผิดชอบ บันทึกข้อความเสนอผ่านงานแผนงาน เป็นผู้พิจารณาปรับได้ทันที่ แล้วเสนอผู้อำนวยการเพื่อรับทราบ เพื่อดำเนินการปรับเปลี่ยนแผนปฏิบัติราชการต่อไป

2.   การปรับเปลี่ยนแผนปฏิบัติราชการในระดับโครงการ หมายถึง การยกเลิก หรือปรับปรุงโครงการที่มีผลทําให้วัตถุประสงค์ เป้าหมาย หรืองบประมาณการดําเนินงานเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม อาจจะยกเลิกโครงการ หรือการปรับปรุงโครงการ เช่น การเพิ่มเป้าหมาย หรือการลดเป้าหมาย การเพิ่มงบประมาณ หรือ การลดงบประมาณ การปรับเปลี่ยนแผนปฏิบัติราชการดังกล่าว ให้ผู้รับผิดชอบ บันทึกข้อความเสนอต่อคณะกรรมการบริหารงานโรงเรียนพิจารณาความเห็นชอบเพื่อดำเนินการปรับเปลี่ยนแผนปฏิบัติราชการต่อไป                

3.   กรณีมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายเร่งด่วน เพื่อให้โรงเรียนได้ดำเนินโครงการหรือกิจกรรม ให้หัวหน้ากลุ่มงาน หัวหน้างาน หรือหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ ที่เกี่ยวข้องบันทึกข้อความเสนอต่อคณะกรรมการสถานศึกษาศึกษาขั้นพื้นฐานของโรงเรียนพิจารณาความเห็นชอบเพื่อดำเนินการปรับเปลี่ยนแผนปฏิบัติราชการต่อไป

ผลการดำเนินงาน

-          มีแผนงานโครงการครบตามมาตรฐานการศึกษาและนโยบายการศึกษา (โครงการตามนโยบายเดิมเพิ่มเติมเป้าหมาย และโครงการตามตัวชี้วัด/นโยบายใหม่

-          มีการจัดทำข้อมูลสารสนเทศ

-          มีการจัดรายงานการประเมินต่างๆ ของสถานศึกษา

-          การจัดทำแผนปฏิบัติรายการประจำปี และมีการใช้แผนเป็นเครื่องมือในการบริหาร

-          การจัดสรรงบประมาณสอดคล้องกับความต้องการและตอบสนองแผนปฏิบัติราชการ

-          บางโครงการอยู่ระหว่างการดำเนินงานกิจกรรมย่อย

ปัญหา/อุปสรรค์ ข้อเสนอแนะ

-          ขาดการประสานงานระหว่างคณะดำเนินการหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง

-          อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำงานขัดข้อง /ทำงานได้ไม่ตรงต่อความต้องการ

-          ขั้นตอนในการปฏิบัติงานของกิจกรรม /งาน/โครงการ ไม่เป็นไปตามเวลาที่กำหนดภาระงานสอนครู